ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระในวันนี้ ซึ่งเป็นดอกเบี้ยของหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2567
ผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวยืนยันว่ายังคงไม่ได้รับการชำระหนี้จากบริษัทจนถึงขณะนี้ หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาทำการในวันนี้แล้ว แม้มีข่าวว่าเอเวอร์แกรนด์สามารถขายหุ้นมูลค่า 9.99 พันล้านหยวน (1.5 พันล้านดอลลาร์) ที่ทางบริษัทถือครองอยู่ในธนาคารเสิ้งจิงให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐบาลจีน
อย่างไรก็ดี เอเวอร์แกรนด์ยังคงมีระยะเวลาผ่อนผันอีก 30 วันเพื่อหาทางระดมทุน ก่อนที่จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้
ผู้บริหารของเอเวอร์แกรนด์ยังคงเก็บตัวเงียบ โดยไม่ได้ออกแถลงการณ์ใดๆต่อผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท รวมทั้งไม่ได้ยื่นหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง
ทางด้านธนาคารเสิ้งจิง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้รายใหญ่ของเอเวอร์แกรนด์ ได้ทำข้อตกลงกับบริษัท โดยระบุเงื่อนไขว่า เอเวอร์แกรนด์จะต้องนำเงินได้สุทธิทั้งหมดที่ได้รับจากการขายหุ้นมูลค่า 9.99 พันล้านหยวน ใช้ในการชำระหนี้ที่เอเวอร์แกรนด์ค้างจ่ายต่อทางธนาคารเท่านั้น ทำให้เอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถนำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้หุ้นกู้ของเจ้าหนี้รายอื่น
รายงานระบุว่า หากพิจารณาข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.2563 ธนาคารเสิ้งจิงได้ปล่อยเงินกู้ให้แก่เอเวอร์แกรนด์มากถึง 7 พันล้านหยวน
ก่อนหน้านี้ เอเวอร์แกรนด์ได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยเงินกู้ต่อธนาคารเจ้าหนี้อย่างน้อย 2 แห่งเมื่อวันที่ 20 ก.ย. และผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระในวันที่ 23 ก.ย. โดยเป็นหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565
ขณะเดียวกัน เอเวอร์แกรนด์ยังมีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ทุกเดือนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งได้แก่ เดือนต.ค.,พ.ย.และธ.ค.
ข้อมูลจาก Morningstar Direct ระบุว่า กองทุนขนาดใหญ่ที่ได้เข้าซื้อหุ้นกู้จำนวนมากของเอเวอร์แกรนด์ ได้แก่ Fidelity Asian High-Yield Fund, UBS (Lux) BS Asian High Yield (USD), HSBC Global Investment Funds – Asia High Yield Bond X, Pimco GIS Asia High Yield Bond Fund, Blackrock BGF Asian High Yield Bond Fund และ Allianz Dynamic Asian High Yield Bond
นอกจากนี้ Ashmore Group และ BlueBay Asset ก็ได้ถือครองหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์เช่นกัน
เอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีตราสารหนี้เชิงพาณิชย์มูลค่ารวม 2.057 แสนล้านหยวน (3.2 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือราว 1 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2563
นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ย. 64)
Tags: จีน, ชำระหนี้, ผิดนัดชำระหนี้, อสังหาริมทรัพย์, เอเวอร์แกรนด์, ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป