ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,919.84 จุด ลดลง 50.63 จุด หรือ -0.15%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,354.19 จุด ลดลง 3.54 จุด หรือ -0.08%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,746.40 จุด เพิ่มขึ้น 32.50 จุด หรือ +0.22%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากความกังวลที่ว่า การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยล่าสุดแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนปีนี้ลงเหลือ 8% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 8.3% เนื่องจากวิกฤตการณ์ของเอเวอร์แกรนด์อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) คาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะไม่ให้ความช่วยเหลือโดยตรงแก่เอเวอร์แกรนด์ และคาดว่าเอเวอร์แกรนด์จะผิดนัดชำระหนี้การจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในเดือนนี้ โดยในวันที่ 23 ก.ย. บริษัทมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ย 83.5 ล้านดอลลาร์ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค.2565 และในวันที่ 29 ก.ย.นี้ บริษัทมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ย 47.5 ล้านดอลลาร์ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค.2567
นอกเหนือจากการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์แล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าสภาคองเกรสอาจอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ และการที่เฟดอาจประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.7% โดยหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 3% หุ้น 3M ร่วงลง 1.15% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องมือด้านการก่อสร้าง ลดลง 0.57% หุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.47% หุ้นฮันนีเวลล์ ปรับตัวลง 0.38%
หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.8% และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ ดิ่งลง 4.84% หลังจากมีรายงานว่า หลายรัฐในสหรัฐได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมืองบอสตันให้ดำเนินคดีกับสายการบินทั้งสองแห่งในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ร่วงลง 4.24% หลังจากซีอีโอของดิสนีย์ได้แสดงความกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาอาจทำให้การผลิตภาพยนตร์หลายเรื่องของดิสนีย์ต้องถูกเลื่อนออกไป
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.37% ขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงาน “dot plot” ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในอนาคตของกรรมการเฟดแต่ละคน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.615 ล้านยูนิต สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.555 ล้านยูนิต จากระดับ 1.554 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี การเริ่มต้นสร้างบ้านยังคงได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนส.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก