BBIK ปิดเทรดวันแรกที่ 30 บาท สูงกว่าราคา IPO 66.67%

ราคา BBIK ปิดที่ 30 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท หรือ 66.67% จากราคา IPO 18.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,425.19 ล้านบาท จากราคาเปิด 36.75 บาท ราคาสูงสุด 38.50 บาท ราคาต่ำสุด 28 บาท

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) ดำเนินธุรกิจโดยเป็นธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลุยทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีลูกค้าเป็น กลุ่มธุรกิจหลักในช่วงครึ่งปีแรก ปี 64 (1H21) คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน (มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 20.03% ใน 1H21), กลุ่มธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต (มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 52.74% ใน 1H21), กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 2.19% ใน 1H21), และกลุ่มอื่นๆ (มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 24.53% ใน 1H21)

ซึ่งสามารถแบ่งประเภทบริการตามสัดส่วนรายได้ได้เป็น 1) บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ และการจัดการ ซึ่งเป็นบริการในการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาในการดำเนินธุรกิจให้กับลูกค้า โดยมีสัดส่วนรายได้ในช่วง 1H21 ที่ 21.05% 2) บริการบริหารโครงการเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นบริการช่วยบริหารจัดการโครงการต่างๆ ในองค์กรให้บรรลุตามเป้าหมายที่ลูกค้าวางไว้ โดยมีสัดส่วนรายได้ในช่วง 1H21 ที่ 2.56% 3) บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีเชิงลึกแบบครบวงจร ซึ่งจะเป็นการให้คำปรึกษาเพื่อสามารถออกแบบระบบให้ตรงกับความต้องการ และลักษณะการดำเนินธุรกิจของลูกค้า

โดยมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดในช่วง 1H21 ที่ 64.08% 4) บริการการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ โดยมีสัดส่วนรายได้ในช่วง 1H21 ที่ 11.81% 5) บริการจัดหาและบริหารบุคลากรชั่วคราวด้านเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทย่อย และคาดจะเริ่มดำเนินธุรกิจตามปกติได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2021

นอกจากนี้ ยังมีการร่วมทุนกับ OR จัดตั้งบริษัทย่อย อย่างบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริการด้านการให้คำปรึกษา ออกแบบ พัฒนา ดูแลรักษาระบบและแอพพลิเคชั่นของบริษัทในเครือ OR และหารายได้จากการใช้ประโยชน์ของข้อมูลเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ โดยบริษัทถือหุ้นใน ออร์บิท คิดเป็นสัดส่วน 60%

โครงการในอนาคตของบริษัท

1) บริษัทฯ มีแผนว่าจ้างบุคลากร และเสริมสร้างทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับบุคลากร จำนวนประมาณ 50 คน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ จากปัจจุบันที่มีพนักงาน จำนวน 133 คน โดยคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 161.63 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2565

2) มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่มบริษัทฯ โดยในเบื้องต้น กลุ่มบริษัทฯ คาดว่าจะพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับให้บริการ (Software as a Service) เป็นหลักเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กรทั่วไปในอนาคต เช่น E-marketplace Platform สำหรับการซื้อขายสินค้าและบริการชำระเงินออนไลน์ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 67.50 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2565

3) พัฒนาและปรับปรุงซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการบุคลากร (HRM Solutions) เพื่อรองรับการดำเนินการต่างๆ ภายในองค์กร โดยคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 22.50 ล้านบาท และดำเนินการเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2022

4) ลงทุนในกิจการอื่น หรือควบรวม และซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 135.00 ล้านบาท และคาดจะดำเนินการในไตรมาส 4 ปี 2565

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top