ราคาหุ้น BBIK ปิดเช้าอยู่ที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 15.50 บาท หรือ 86.11%จากราคา IPO 18 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,050.05 ล้านบาท จากราคาเปิด 36.75 บาท ราคาสูงสุด 38.50 บาท และราคาต่ำสุด 31.00 บาท
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) กล่าวว่า ในวันนี้บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก ซึ่งราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก ก็รู้สึกพอใจ ที่ได้รับการตอบรับอย่างคึกคักเกินกว่าความคาดหมาย เนื่องจากนักลงทุนให้ความเชื่อมั่นในธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไป 1. เพิ่มบุคลากรและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ตลอดจนวางแผนพัฒนาศูนย์การพัฒนาทักษะ (Learning Academy Center) พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Software as a Service หรือ SaaS) รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Center) 3. เสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายใน ผ่านการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร 4. ขยายพื้นที่สำนักงานรองรับการเพิ่มบุคลากร 5. ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องและมีศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตและรับมือความผันผวนของตลาด (M&A และ JV) วางงบลงทุนราว 130 ล้านบาท และ 6. เสริมศักยภาพด้านเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ จากการประมาณการเบื้องต้นเบื้องต้น มูลค่าที่เหมาะสมของบมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) ในปี 2565 อยู่ที่ 26.5 บาท เทียบกับกลุ่ม TECH MAI ที่ PER 36 เท่าเนื่องจากธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลุยทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยีไม่มีตัวเปรียบเทียบที่ชัดเจนในตลาด โดยส่วนใหญ่ในตลาดจะเน้นงาน System Integrator มากกว่า (มี IIG ที่ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัล แต่มีมาร์จิ้นที่ต่ำกว่า BBIK จากลักษณะการดำเนินงานที่ต่างกัน) แต่เราให้ส่วนลดจากขนาดของบริษัทซึ่งอาจส่งผลต่อการแข่งขัน
โดยมองว่าแนวโน้มของธุรกิจการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี, การจัดการและการวิเคราะห์ข้อมูลมีการเติบโตที่สูง ทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ป็นตัวเร่งทำให้ Digital Transformation มีบทบาทมากขึ้นทั้งจากกระแสการ Work from Anywhere, การช่วยลดต้นทุนให้แก่องค์กร และการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายรูปแบบออนไลน์ ประกอบกับแผนการลงทุนของบริษัทซึ่งจะมีการรับพนักงานเพิ่ม จะช่วยเพิ่มทั้งรายได้ และอัตรากำไรให้กับบริษัท จากการที่สามารถรับงานได้มากขึ้น และต้นทุนหลายอย่างที่สามารถแชร์ระหว่างโปรเจคได้
นอกจากนี้ จากลักษณะการดำเนินงานของบริษัททำให้มีโอกาสเกิดการร่วมทุนกับบริษัทที่เป็นลูกค้าในอนาคตเช่นเดียวกับที่มีการร่วมทุนกับ OR ในการจัดตั้งบริษัทย่อย ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (คาดจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนใน Q4 และเห็นรายได้ที่ชัดเจนในปี 2565 ซึ่งเรายังไม่ได้รวมในการประมาณการของเรา) สำหรับความเสี่ยงที่ต้องระวังของ BBIK คือรายได้อาจมีความไม่สม่ำเสมอในบางไตรมาส, มีการพึ่งพาบุคลากรค่อนข้างสูง และการแข่งขันค่อนข้างสูงจากบริการที่คล้ายกันกับคู่แข่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 64)
Tags: BBIK, IPO, บลูบิค กรุ๊ป, พชร อารยะการกุล, หุ้นไทย