แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้แกว่งขึ้นกรอบจำกัดรับโควิดดีขึ้นแต่รอติดตามปัจจัยตปท.

นักวิเคราะห์ฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้าวันนี้แกว่งตัวขึ้นในกรอบจำกัดราว 1,630-1,640 จุด รับปัจจัยบวกโควิดในดูดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ภาพรวมอาจยังผันผวนระหว่างรอติดตามการประชุมเฟดและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐกังวลภาวะ Stagflation ส่วนตลาดเอเชียมีทั้งบวกและลบ โดยวันนี้ให้แนวรับ 1,630 จุด แนวต้าน 1,640-1,645 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดว่าตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัดราว 1,630-1,640 จุด โดยยังคงได้รับปัจจัยบวกมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศดีขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดัชนีจะผันผวนมากขึ้นในช่วงรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ โดยเฉพาะตัวเลขจากทางสหรัฐฯ ทั้งการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในวันอังคารนี้ และ ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) ในวันพฤหัสบดีนี้ด้วย

สำหรับปัจจัยที่ตลาดฯ ยังคงกังวลคืออาจจะเกิดภาวะ Stagflation คือภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัวลงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าบรรยากาศในสัปดาห์นี้แม้อาจจะเป็นบวก แต่จะมีความผันผวนมากขึ้น

ด้านตลาดภูมิภาคเอเชีย ทางด้านตลาดญี่ปุ่นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ เนื่องจากปรับขึ้นแรงมาหลายวัน จึงเกิดการพักตัวในวันนี้ ส่วนตลาดเกาหลีใต้บวกราว 0.38%

พร้อมให้แนวรับที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,640-1,645 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,607.72 จุด ลดลง 271.66 จุด (-0.78%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,458.58 จุด ลดลง 34.70 จุด (-0.77%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,115.49 จุด ลดลง 132.76 จุด (-0.87%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ 3,699.25 จุด ลดลง 3.86 จุด (-0.10%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ 30,372.02 จุด ลดลง 9.82 จุด (-0.032%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,885.30 จุด ลดลง 320.61 จุด (-1.22%)

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.ย.) 1,635.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.23 จุด (+0.38%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 762.59 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.ย.) ปิด 70.22 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.72%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.ย.) อยู่ที่ 4.96 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.76 อ่อนค่าจากดอลลาร์แข็งค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด

– การบินไทย รีสตาร์ทธุรกิจ อัดเส้นทางบินยุโรป-เอเชีย รุกตารางบินฤดูหนาว ต.ค.นี้ มั่นใจดีมานด์ต่างชาติฟื้น รับเปิดประเทศ กพท.ชี้แอร์ไลน์ต่างชาติรอดูสถานการณ์ “ท่องเที่ยว” จี้รัฐสปีดฉีดวัคซีนลุยเปิดประเทศเต็มสูบ “ไฮซีซัน” หนุนต่างชาติเที่ยวไทยแบบไม่กักตัว เร่งดีมานด์ หวังกระเตื้องไตรมาส 2 ปี 65 “ค้าปลีก” มั่นใจสัญญาณบวกรีสตาร์ทธุรกิจ-ฟื้นเศรษฐกิจ คาด 3 เดือนสุดท้ายพลิกโต 5%

– สธ.เตรียมแผนรองรับเปิดประเทศเล็งลดวันกักตัวเหลือ 7-10 วัน รอบอร์ดวิชาการเคาะ เข้ม “Covid Free Setting” เร่งฉีดวัคซีนครอบคลุม เดือน ต.ค.ลุย 24 ล้านโดส พร้อมเดินหน้าบูสต์เข็ม 3 ประชาชน ผุดต้นแบบ “COVID Free Aria” อย่างน้อย 1 พื้นที่ในจังหวัด วัคซีนครอบคลุม 80% ย้ำ พ.ร.บ.โรคติดต่อใหม่ ต้องคลอดก่อนเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯนั่งหัวโต๊ะคุม “สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข” บูรณาการงาน

– วิกฤติสภาพคล่อง “เอสเอ็มอี-รายย่อย” สายป่านสั้น ดันตลาดสินเชื่อ “รถแลกเงิน-จำนำทะเบียน” คึกคัก ขาใหญ่เผยลูกค้าแห่นำรถมาขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “กรุงศรี ออโต้” ผู้นำตลาดยอด 6 เดือนปล่อย “คาร์ ฟอร์ แคช” 1.5 หมื่นล้านบาท “ทีทีบี” คาดตลาดรวมปีนี้โตไม่น้อยกว่า 10% เผยลูกค้าไม่สนใจดอกเบี้ย ขอให้ได้วงเงิน ฟาก “เกียรตินาคินภัทร” เผยปีนี้หลายแบงก์ลงสนามดุเดือดชิงเค้กตลาด 2 แสนล้านบาท ชี้เทรนด์สินเชื่อทะเบียนรถยังไปได้ดีเสี่ยงต่ำ-ลูกค้าได้ต้นทุนการเงินเหมาะสม 7-9% “เงินติดล้อ” ตลาดอีสานโตพรวด

– ภาคธุรกิจประสานเสียง “สภาอุตฯ-สภาหอฯ” ย้ำปลด 2 รัฐมนตรีช่วยไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ หากปรับ ครม.ขอให้เลือกคนที่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีม-วอนฟังเสียงเอกชน พร้อมกระทุ้งอีกรอบ เรื่องความชัดเจนการจัดหา-กระจายวัคซีน ช่วยเอกชนเรื่องชุดตรวจโควิดหวั่นเปิดประเทศภายใน 120 วัน อาจทำได้เฉพาะเมืองที่พร้อมผลพวงฉีดวัคซีนยังไม่เข้าเป้า

– หอการค้าไทยเตรียมถกผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรับเปิดประเทศ กกร.ลุ้นพบนายกฯสัปดาห์หน้า หารือแก้โควิด-ฟื้นเศรษฐกิจ ระบุพร้อมรับการบ้านนำเสนอแผนกระตุ้นรอบใหม่ ขณะส.อ.ท. ถก 45 กลุ่มอุตฯ เตรียมแผนรองรับ ยันคำเดิมรัฐเตรียมอีก 1 ล้านล้าน สตาร์ทเครื่องประเทศใหม่

หุ้นเด่นวันนี้

– ORI (ฟิน้นเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้า ที่ 13.50 บาท โมเมนตัมกำไร H2/64 คาดเร่งขึ้นทั้ง H-H และ Y-Y จากโครงการใหม่สร้างเสร็จอีก 2 โครงการ แม้การปิดแคมป์จะกระทบบ้าง แต่คาดเริ่มโอนได้ในเดือน ก.ย. โดยมีสต็อกคอนโดพร้อมโอนกว่า 1 หมื่นลบ.การจับมือกับ JWD คลังสินค้าจะเป็นบวกระยะยาวจากรายได้ประจำที่จะมากขึ้น และคาดเห็นการร่วมมือกับบริษัทอื่นๆอีกในอนาคต ส่วนระยะสั้นมี Catalyst จากการ Spin-Off บริทาเนียและให้สิทธิผู้ถือหุ้น ORI จองซื้อ

– AP (ดีบีเอสวิคเคอร์) “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 10.30 บาท ยืดหยุ่นท่ามกลางโควิด แผนการเปิดขายโครงการใหม่สำหรับปี 64 ยังทำได้ตามแผน สำหรับการเปิดขายในงวด Q3/64 จะมี 8 โครงการ มูลค่า 16.4 พันล้านบาท ยอดขาย (Presales) ก.ค.และส.ค.64 อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจแม้มีล็อกดาวน์และไม่มีการเปิดขายโครงการใหม่ ซึ่งจะไปเปิดในเดือน ก.ย.64 แนวโน้มผลงาน Q3/64 มีโอกาสจะอ่อนลง เทียบกับทั้ง y-o-y และ q-o-q เพราะโอนกรรมสิทธิ์ช้าลง ผลพวงปิดแคมป์คนงาน และผู้ซื้อยังไม่อยากออกจากบ้าน เพราะโควิดระบาดรุนแรง แต่คาด Q4/64 ฟื้นตัวดีขึ้น และกำไรปี 64 ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 4.4 พันล้านบาท (+3% y-o-y)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top