สำนักความปลอดภัยและการบังคับใช้ด้านสิ่งแวดล้อม (Bureau of Safety and Environmental Enforcement – BSEE) ของรัฐบาลกลางสหรัฐเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกกว่า 80% ยังคงหยุดชะงัก เนื่องจากพายุเฮอริเคนไอดาได้พัดขึ้นฝั่งอ่าวเม็กซิโก และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคแห่งนี้
ข้อมูลของ BSEE ระบุว่า บริษัทพลังงานหลายแห่งเผชิญกับความยากลำบากในการกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังจากพายุไอดาได้สร้างความเสียหายกับแท่นขุดเจาะน้ำมันและทำให้เกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่ชายฝั่ง โดยการผลิตน้ำมันประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 84% ยังคงหยุดชะงัก ขณะที่การผลิตก๊าซธรรมชาติ 1.8 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน หรือ 81% ก็หยุดชะงักลงเช่นกัน
ข้อมูลยังระบุด้วยว่า ขณะนี้พนักงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซจำนวน 99 แห่งยังคงอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งลดลงจากตัวเลขก่อนหน้านี้ที่ 288 แห่ง
ทางด้านกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า โรงกลั่น 5 แห่งในรัฐลุยเซียนายังคงปิดดำเนินการในวันจันทร์ (6 ก.ย.) โดยโรงกลั่นเหล่านี้มีกำลังการกลั่น 1 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 6% ของกำลังการกลั่นโดยรวมในสหรัฐ ส่วนท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันนอกชายฝั่งลุยเซียนา หรือ LOOP ยังคงปิดการดำเนินงานและกำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมความเสียหาย
นอกจากนี้ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยชายฝั่งของสหรัฐเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรายงานเกือบ 350 ฉบับที่ระบุว่ามีน้ำมันรั่วไหลตามแนวชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกหลังจากพายุเฮอริเคนไอดาพัดถล่ม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ย. 64)
Tags: ผลิตน้ำมัน, พายุเฮอริเคน, ราคาน้ำมัน, สหรัฐ, อ่าวเม็กซิโก, แท่นขุดเจาะน้ำมัน, ไอดา