เนปาลอนุมัติบริษัทจีนทดลองวัคซีนโควิดชนิด mRNA ภายในประเทศเป็นครั้งแรก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.) เจ้าหน้าที่อาวุโสจากสภาวิจัยสุขภาพเนปาลได้เปิดเผยว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ที่พัฒนาโดยผู้ผลิตสัญชาติจีน ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเนปาลให้ดำเนินการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ในเนปาลแล้ว

นับเป็นครั้งแรกที่เนปาลอนุมัติการทดลองทางคลินิกในประเทศให้กับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “เออาร์โควี” (ARCoV) ที่ร่วมพัฒนาโดยซูโจว อ้ายโป๋ ไบโอไซเอนซ์ (AbogenBio), สถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AMMS) สังกัดสถาบันวิทยาการทหาร และบริษัท วาลแว็กซ์ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด (Walvax Biotechnology)

ดร. ประดิป เกียนวาลี หัวหน้าผู้บริหารสภาวิจัยสุขภาพเนปาลเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) อนุญาตให้บริษัทจีน (วาลแว็กซ์ ไบโอเทคโนโลยี) และพันธมิตรในท้องถิ่นอย่างบริษัท เดียราลี-จันตา ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (Deurali-Janta Pharmaceutical) ดำเนินการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ของวัคซีนดังกล่าวในเนปาล

“สภาวิจัยสุขภาพเนปาลได้รับเอกสารเกี่ยวกับข้อเสนอในการทดลองทางคลินิกจากบริษัทจีนเมื่อราวหนึ่งเดือนก่อน โดยหลังจากตรวจสอบแล้วว่าวัคซีนดังกล่าวปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ก็ได้ส่งเอกสารต่อไปยังกระทรวงสาธารณสุขและคณะรัฐมนตรีที่ให้การอนุมัติแล้ว” เกียนวาลีกล่าว

“หลังจากบริษัทจีนได้รับใบอนุญาตจากกรมควบคุมยา (DDA) เราจะออกจดหมายอนุญาตให้ทำการทดลองระยะที่ 3 ของวัคซีนดังกล่าว” นามิตา กีเมอร์ (Namita Ghimire) สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมกล่าวกับสำนักข่าวซินหัว

เกียนวาลีระบุว่าวาลแว็กซ์ ไบโอเทคโนโลยี และพันธมิตรสัญชาติเนปาลได้เสนอการทดลองทางคลินิกกับประชาชน 3,000 คนที่สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพบีพี คอยราลาของรัฐบาลเนปาล ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดารันทางตะวันออกของประเทศ

ทั้งนี้ เนปาลได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 2 และต้องอาศัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากภายนอกเพื่อฉีดให้กับประชากรที่มีอยู่ 30 ล้านคน โดยปัจจุบันมีประชาชนชาวเนปาลได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว 4.98 ล้านคน ซึ่งเป็นผู้รับวัคซีนครบสองโดส 3.9 ล้านคน เมื่อนับถึงวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.)

ช่วงต้นเดือนส.ค.นี้ รัฐบาลเนปาลประกาศมาตรการจูงใจให้บริษัทในประเทศและต่างประเทศดำเนินการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนในเนปาลเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และโรคติดเชื้ออื่นๆ ซึ่งเกียนวาลีกล่าวถึงประเด็นนี้ว่าจะช่วยให้เนปาลเข้าถึงวัคซีนได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top