เป็นที่ทราบกันแล้วว่าเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 สถาบันการคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ได้เริ่มปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากมาลงอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน จากเดิม 5 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน ตามเงื่อนไขของกฎหมายคุ้มครองเงินฝากที่กำหนดปรับลดวงเงินคุ้มครองแบบเป็นขั้นบันไดนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา แบ่งเป็น
- 11 ส.ค.51 คุ้มครองเต็มจำนวน
- 11 ส.ค.54 คุ้มครอง 50 ล้านบาท
- 11 ส.ค.58 คุ้มครอง 25 ล้านบาท
- 11 ส.ค.59 คุ้มครอง 15 ล้านบาท
- 11 ส.ค.61 คุ้มครอง 10 ล้านบาท
- 11 ส.ค.62 คุ้มครอง 5 ล้านบาท
- 11 ส.ค.64 คุ้มครอง 1 ล้านบาท
แม้ว่าการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจะเป็นไปตามกฎหมายกำหนด แต่ก็มีหลายเสียงวิจารณ์ถึงความกังวลว่าจะเป็นการสะท้อนความอ่อนแอของสถาบันการเงินหรือไม่ ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในประเทศลุกลามสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นมูลค่ามหาศาล ขณะที่ด้านของผู้ฝากเงินต้องปรับตัวนำเงินไปออมและลงทุนรูปแบบใดที่มีความเสี่ยงต่ำแถมยังได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ฟังการวิเคราะห์แบบเต็มๆ ผ่านมุมมองจากนายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วี
ทั้งนี้ รายการ “Wealth Me Please” จะนำข้อมูลความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านนำมาต่อยอดช่วยสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง พบกันทุกวันอังคารที่ https://youtube.com/c/InfoQuestNews
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ส.ค. 64)
Tags: WealthMePlease, การเงิน, การเงินส่วนบุคคล, สถาบันการคุ้มครองเงินฝาก, สถาบันการเงิน, ออมเงิน, เงินฝาก