- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันที่ 8 เม.ย. 2563 เวลา 11.30 น.
- ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยอดสะสม 2,369 คน (+111)
- รักษาหายแล้ว 888 คน (+64)
- ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 1,451 คน (+44)
- เสียชีวิต 30 คน (+3)
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 111 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมรวม 2,369 ราย ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 30 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 888 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เป็นชาวต่างชาติ รายแรกเป็นชายชาวรัสเซีย อายุ 48 ปี รายที่ 2 เป็น ชายชาวอินเดีย อายุ 69 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว มีโรคประจำตัว เบาหวาน โรคหัวใจ และรายที่ 3 เป็นชายชาวอเมริกัน อายุ 69 ปี มีโรคประจำตัว โรคไตเรื้อรัง เข้ารักษาตัวที่รพ.ในจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนเสียชีวิตในวันที่ 5 เม.ย.
รายที่ 2 เป็นชายชาวอินเดีย อายุ 69 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว มีโรคประจำตัว เบาหวาน โรคหัวใจ เข้ารับการรักษาในไอซียูของ รพ.เอกชนในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. จากนั้นส่งตัวไปอีก รพ.เอกชนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 29 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 7 เม.ย.
และรายที่ 3 เป็นชายชาวอเมริกัน อายุ 69 ปี มีโรคประจำตัว โรคไตเรื้อรัง เข้ารักษาตัวที่ รพ.ในจังหวัดบุรีรัมย์ และอาการเริ่มหนักในวันที่ 21 มี.ค. เสียชีวิตวันที่ 7 เม.ย.
สำหรับผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้น 111 รายในวันนี้ ประกอบด้วย กลุ่มแรก 69 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า, ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ, ผู้ที่ทำอาชีพเสี่ยง บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค กลุ่มสอง 42 คน เป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantines (เดินทางมาจากอินโดนีเซีย)
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 2,369 คนในขณะนี้ มาจากทั้งหมด 67 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจังหวัดที่พบผู้ป่วยยืนยันสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ 1,223 คน 2.นนทบุรี 141 คน 3.ภูเก็ต 140 คน 4.สมุทรปราการ 102 คน 5.ชลบุรี 70 คน 6.ยะลา 68 คน 7.ปัตตานี 55 คน 8.สงขลา 47 คน 9.เชียงใหม่ 39 คน และ 10.ปทุมธานี 27 คน
ส่วน 10 จังหวัดที่เหลือ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อ ได้แก่ กำแพงเพชร, ชัยนาท, ตราด, น่าน, บึงกาฬ, พังงา, พิจิตร, ระนอง, สิงห์บุรี และอ่างทอง
โฆษก ศบค.กล่าวว่า ในขณะนี้แม้จะมีผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศมากขึ้น และพบว่าเป็นกลุ่มก้อนใหม่ที่ต้องเฝ้าระวัง ดังเช่นล่าสุด ซึ่งเป็นกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากอินโดนีเซียที่พบว่าติดไวรัสโควิดถึง 42 คนนั้น แต่ประชาชนในประเทศเองอีก 60 กว่าล้านคน ก็จะต้องระมัดระวังตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ออกไปรับเชื้อนอกบ้าน และพยายามลดการเดินทางออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด
“ตอนนี้มีคนกลับมาจากต่างประเทศมากขึ้น เป็นกลุ่มก้อนใหม่ที่ต้องเฝ้าระวัง แต่พวกเขาทั้งหมดได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่แล้ว เราสามารถขีดวงการดูแลผู้ป่วยที่กลับมาจากต่างประเทศได้ 24 ชม. แต่กลุ่มที่ยังอยู่ที่บ้านอีก 60 กว่าล้านคน ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน”
นพ.ทวีศิลป์กล่าว
พร้อมระบุว่า ในวันนี้จะมีคนไทยที่ติดค้างจากประเทศญี่ปุ่นเดินทางกลับมาประเทศไทยอีก 32 คน ซึ่งคาดว่าจะมาถึงเวลาประมาณ 15.30 น.ตามเวลาในประเทศไทย โดยย้ำว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาทุกคน จะต้องเข้าไปอยู่ใน State Quarantines ที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ล่าสุด ณ วันที่ 7 เม.ย.63 มีจำนวนห้องปฏิบัติการที่เปิดไปแล้ว 80 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 39 แห่ง ต่างจังหวัด 41 แห่ง และคาดว่าจะเปิดให้ได้ครบ 110 แห่งทั่วประเทศในเร็วๆ นี้
โดยศักยภาพในการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ที่ 20,000 เคส/วัน แยกเป็น ในกรุงเทพฯ 10,000 เคส/วัน และต่างจังหวัด 10,000 เคส/วัน ซึ่งยืนยันว่าไม่จำเป็นจะต้องตรวจให้ได้ในระดับแสนเคส/วัน
“การจะเพิ่มจำนวนตรวจเป็นแสนเป็นล้านเคส ไม่ใช่ทิศทางทั้งหมด แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เราจะใช้ Active case finding คือการไปหาผู้ป่วย แล้วขีดวง แล้วตรวจตรงนั้นให้ได้มากที่สุด วิธีการเหล่านี้ เป็นหลักการของระบาดวิทยาที่ยอมรับกันทั่วโลก”
โฆษก ศบค.ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 เม.ย. 63)
Tags: COVID-19, ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน, ศบค., ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19, โควิด-19