นายอามิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 งวดปี 64/65 (ก.ค.-ก.ย.64) จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก เนื่องด้วยโครงการลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPP ในอินโดนีเซียจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนก.ย.64 อีกทั้งยังมีความต้องการแผ่นฟิล์มในตลาดโลกอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งแผ่นฟิล์ม BOPET และ BOPP โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5-7% ในปัจจุบันนี้ ทำให้ยังส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัท ซึ่งปัจจุบันก็มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาแล้ว 2-3 เดือนข้างหน้า
สำหรับการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทในขณะนี้ ถือเป็นผลดีกับบริษัทฯ เนื่องจากมีการส่งออกที่ค่อนข้างมาก แต่ในขณะเดียวกัน PTL ก็มีเงินกู้ ในรูปแบบของเงินตราต่างประเทศ ทำให้ต้องมีการบันทึกอัตราผลขาดทุนหากเงินบาทอ่อนค่า แต่ผลขาดทุนดังกล่าวไม่ใช่ผลขาดทุนที่เป็นเงินสด ซึ่งจะมีการกลับรายการทางบัญชีหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ส่วนโครงการลงทุนในอนาคต ทางคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีการอนุมัติโครงการลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบางในสหรัฐอเมริกา ด้วยวงเงินลงทุน 83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการได้ในครึ่งปีหลังของปี 65-66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 64)
Tags: BOPP, ผลการดำเนินงาน, หุ้นไทย, อามิต ปรากาซ, แผ่นฟิล์ม, โพลีเพล็กซ์