นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 7 ถึงการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกในวันที่ 7 สิงหาคมว่า จากการชุมนุมของประชาชนที่ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในหลายครั้งที่ผ่านมา พบว่า พลเอกประยุทธ์ ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่คำนึงหลักกฏหมายหรือหลักสากลใดๆ ทั้งการใช้รถฉีดน้ำผสมสารเคมี การใช้แก๊สน้ำตา การใช้กระสุนยาง ซึ่งตำรวจกระทำต่อผู้ชุมนุมไว้เว้นแม้กระทั้งเด็ก ผู้หญิง หรือผู้สูงอายุ โดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม
กลุ่มไทยไม่ทนฯ มีความวิตกกังวลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และกังวลว่า รัฐจะปล่อยให้มือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ แล้วโยนความผิดให้ผู้ชุมนุม เพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมได้อย่างเต็มที่ จนเป็นเหตุสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จนเกินกว่าสาธารณชนจะรับได้ อีกทั้งกลุ่มไทยไม่ทน เคยสูญเสียบุคคลในครอบครัวจากเหตุการณ์ทางการเมืองไปแล้วหลายชีวิต และไม่อยากให้ประเทศไทยมีวีรชนเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้ กลุ่มไทยไม่ทน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมทุกกรณี และจัดการให้เข้มงวดไม่ให้มือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ได้ พร้อมกับจะติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ หากพบมีความรุนแรง กลุ่มไทยไม่ทนจะติดตามเอาผิดตำรวจไม่เว้นกรณีเดียว
“ในวันพรุ่งนี้เราจะตั้งทีมงานขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อติดตามการชุมนุมของคณะที่จะไปชุมนุมกันในวันที่ 7 ส.ค. เพื่อเฝ้าติดตามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ถืออำนาจรัฐ ทำร้ายประชาชนหรือมีความจงใจให้บุคคลที่ 3 สร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง และโยนความผิดให้กับประชาชน หากเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น เราจะดำเนินคดีเอาผิดพวกที่ใช้อำนาจรัฐ อำนาจเถื่อนอย่างถึงที่สุด ไม่เว้นแม้แต่กรณีเดียว”
นายไทกร กล่าว
นายไทกร ย้ำว่า เป้าหมายหลักของกลุ่มไทยไม่ทน คือการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่ง ส่วนนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้นยังไม่มีตัวเลือกในใจ แต่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะต้องเดินหน้าแก้ปัญหาโควิด-19 ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ และต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จโดยเร็วและคืนอำนาจให้กับประชาชนด้วยการยุบสภา
ทั้งนี้ นายไทกร ย้ำว่า การชุมนุมวันที่ 7 สิงหาคม ไม่ใช่การชุมนุมครั้งสุดท้ายที่ไล่พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นเสรีภาพของผู้ชุมนุมที่ขยายข้อเรียกร้อง ซึ่งคณะไทยไม่ทนฯ ต้องการให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ในการชุมนุมวันที่ 8 สิงหาคม กลุ่มไทยไม่ทนได้รับประสานจากนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แกนนำกลุ่มสลิ่มกลับใจ ให้ไปร่วมจัดกิจกรรมสร้างสามัคคีที่มีเจตนารมณ์ตรงกันที่ต้องการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง ส่วนการชุมนุมในวันที่ 10 ส.ค. ถือเป็นการชุมนุมที่น่าสนใจ ซึ่งทางกลุ่มไทยไม่ทนจะเร่งรีบหารือกัน เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำจัดระบอบเผด็จการประยุทธ์
ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน กล่าวว่า จะมีการติดตามและเฝ้าดูการชุมนุมอย่างใกล้ชิด และขอเรียกร้องเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ทั้งตำรวจและทหาร ที่ทราบว่า ได้ระดมเข้าในพื้นที่แล้วเป็นจำนวนมาก อย่าใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด และรัฐบาลต้องเฝ้าระวังมือที่สามที่อาจเข้ามาสร้างสถานการณ์นำไปสู่ความรุนแรง และใช้เป็นเงื่อนไขล้อมปราบประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 64)
Tags: กลุ่มเยาวชนปลดแอก, กลุ่มไทยไม่ทน, ชุมนุม, ตำรวจ, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ม็อบ, ยศวริศ ชูกล่อม, ไทกร พลสุวรรณ