ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐประกาศคำสั่งพิเศษเมื่อวานนี้ โดยตั้งเป้าหมายผลักดันให้รถยนต์ 50% ในตลาดเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2573 เพื่อดำเนินการตามแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐหลายรายให้การสนับสนุน
ทั้งนี้ เป้าหมายของปธน.ไบเดนและบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์นั้น จะนับรวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ เซลล์เชื้อเพลิง รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริดที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้
“เรื่องสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นก็คือทั้งฝั่งแรงงานและธุรกิจต่างก็ตระหนักว่า รถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคต และเราจะไม่ปล่อยโอกาสนี้”
ปธน.ไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังได้ร่างมาตรฐานใหม่ฉบับปี 2569 สำหรับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรถยนต์เพื่อช่วยลดมลพิษ โดยยกระดับความเข้มงวดขึ้น 10% เมื่อเทียบกับฉบับปี 2566
การดำเนินการเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในแผนของปธน.ไบเดนเพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อน ซึ่งในกรณีนี้คือการมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์และรถบรรทุก และในขณะเดียวกันก็ผลักดันให้สหรัฐก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากจีนได้ดำเนินการด้านต่างๆ เพื่อเข้าครอบครองตลาดนี้
เป้าหมาย 50% ดังกล่าวไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐมอบเงินสนับสนุนจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัท
ทางด้านบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM), บริษัทฟอร์ด มอเตอร์, และบริษัทแม่ของไครสเลอร์อย่างสเตลแลนทิส เอ็นวี ได้ร่วมออกกันออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทตั้งเป้าครองยอดขาย 40-50% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดต่อปีของสหรัฐให้ได้ภายในปี 2573
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 64)
Tags: พลังงานไฟฟ้า, รถยนต์, รถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฮบริด, โจ ไบเดน