คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีมติอนุมัติการจัดสรรเงินจำนวน 6.50 แสนล้านดอลลาร์จากกองทุนสิทธิพิเศษถอนเงิน (SDR) ของ IMF ซึ่งเป็นการจัดสรรเงินจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ IMF โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นสภาพคล่องทั่วโลกในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด
นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ IMF กล่าวว่า “นี่เป็นการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ การจัดสรรเงินจากกองทุน SDR ครั้งนี้ถือเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ IMF โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงเวลาวิกฤตรุนแรงที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
นางจอร์เจียวากล่าวว่า การจัดสรรเงินจากกองทุน SDR จะเป็นประโยชน์กับประเทศสมาชิก IMF อีกทั้งสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการฟื้นตัวและเสถียรภาพของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ยังช่วยเหลือประเทศที่มีความเปราะบางมากที่สุดให้สามารถรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ด้วย
ทั้งนี้ การอนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุน SDR มีขึ้น หลังจากคณะผู้ว่าการทีมบริหารของ IMF ลงมติด้วยคะแนนเสียง 85% ของประเทศสมาชิกทั้งหมดของ IMF ที่มีอำนาจในการโหวตเสียง
แถลงการณ์ของคณะบริหาร IMF ระบุว่า การจัดสรรเงินจากกองทุน SDR จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.
ก่อนหน้านี้นายจอห์น เคนเนดี วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐลุยเซียนากล่าวว่า ในการนำเงินจากกองทุน SDR ของ IMF ออกมาใช้นั้น กระทรวงการคลังต้องออกพันธบัตรล็อตใหม่มูลค่า 1.80 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเป็นทุนในการจัดสรรเงินให้กับประเทศอื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการแปลงค่าเงิน SDR ไปเป็นสกุลเงินต่างๆ โดยสกุลเงิน SDR นั้น อิงกับตะกร้าเงินซึ่งประกอบด้วยดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, ปอนด์, เยน และหยวน
อย่างไรก็ดี นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้โต้แย้งว่า การนำเงิน SDR มาใช้ จะไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชนผู้เสียภาษี และการจ่ายดอกเบี้ยให้กับพันธบัตรที่ออกจำหน่าย จะถูกชดเชยด้วยดอกเบี้ยที่ได้รับจากการถือครอง SDR
“ไม่มีเงินที่จะต้องจ่ายคืน ไม่ต้องกังวล และดอกเบี้ยที่เราได้รับจากการถือครองสกุลเงิน SDR นั้น จะหักล้างต้นทุนที่เกิดจากการออกพันธบัตร” นางเยลเลนกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ส.ค. 64)
Tags: IMF, SDR, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, กองทุนสิทธิพิเศษถอนเงิน, คริสตาลินา จอร์เจียวา, เศรษฐกิจโลก