ออสเตรเลียประกาศขยายระยะเวลามาตรการควบคุมโควิด-19 ในเมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ พร้อมกับเตรียมส่งทหารออสเตรเลียลาดตระเวณในพื้นที่เมืองซิดนีย์ เพื่อจำกัดให้ประชาชนอยู่ในบริเวณบ้านพักอาศัยตามข้อกำหนด หลังจากออสเตรเลียยังคงประสบปัญหาในการควบคุมเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งแพร่กระจายได้ง่าย
หน่วยงานของรัฐควีนส์แลนด์เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ภายในประเทศ 13 รายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี ทั้งนี้มาตรการล็อกดาวน์ในบริสเบนซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของออสเตรเลียนั้น จะขยายเวลาไปจนถึงวันอาทิตย์นี้ (8 ส.ค.) จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.)
“สถานการณ์เริ่มบ่งบอกชัดเจนว่า มาตรการล็อกดาวน์ในขั้นต้นนั้นไม่เพียงพอต่อการควบคุมการแพร่ระบาด” นายสตีเวน ไมลส์ รองผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นในเมืองใหญ่ของออสเตรเลียทั้งสองแห่งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียถึงวิธีการรับมือการแพร่ระบาด
ถึงแม้ว่าแผนระดมฉีดวัคซีนของออสเตรเลียจะล่าช้ากว่าประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วอื่นๆ แต่ออสเตรเลียก็สามารถควบคุมยอดผู้ติดเชื้อได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ มาก โดยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมไม่ถึง 34,400 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมล่าสุด 925 ราย หลังจากมีชายที่อายุกว่า 90 ปีเสียชีวิตในซิดนีย์
นายมอร์ริสันให้คำมั่นว่าจะมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์น้อยลงก็ต่อเมื่อออสเตรเลียสามารถระดมฉีดวัคซีนได้ถึง 70% ของประชากรวัย 16 ปีขึ้นไปทั้งหมด ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 19% โดยนายมอร์ริสันคาดว่า จะสามารถระดมฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายภายในช่วงปลายปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 64)
Tags: COVID-19, ซิดนีย์, บริสเบน, รัฐควีนส์แลนด์, ล็อกดาวน์, สตีเวน ไมลส์, ออสเตรเลีย, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา