วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 67 ต่อ 32 ผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกในการผลักดันมาตรการการใช้จ่ายซึ่งหลายฝ่ายต่างรอคอยมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
การลงมติในวุฒิสภาเมื่อวานนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนายร็อบ พอร์ทแมน วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอซึ่งเป็นหัวหน้าการเจรจาในฝั่งพรรครีพับลิกันได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายครั้งใหม่มูลค่า 5.50 แสนล้านดอลลาร์ที่จะใช้ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน รถไฟโดยสาร น้ำดื่ม และระบบกำจัดของเสีย
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนได้ประกาศการบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐ โดยโครงการดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า “Bipartisan Infrastructure Framework” นั้น มีวงเงินรวม 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ
“โครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐ และจะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของเรามีความทันสมัยมากขึ้น โครงการเหล่านี้จะสร้างการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น้ำประปาที่สะอาด มีเครือข่ายบรอดแบนด์ที่ครอบคลุม มีสาธารณูปโภคด้านพลังงานที่สะอาด และจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้เป็นหนึ่งในแผน American Jobs Plan ของผม” ปธน.ไบเดนกล่าว
ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 ขึ้นสู่ระดับ 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.6% โดยการเพิ่มคาดการณ์ดังกล่าวมาจากสมมติฐานที่ว่า จะมีการบังคับใช้แผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)
Tags: วุฒิสภาสหรัฐ, สหรัฐ, โครงสร้างพื้นฐาน