นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ทั้งนี้ กอนช. ได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น
โดยสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศไทยในวันนี้ (19 ก.ค. 64) พบว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำทั้งประเทศ มีจำนวน 36,073 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 44% ของความจุรวม ในจำนวนนี้เป็นปริมาณน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 31,627 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 44% ของความจุรวม ในส่วนของระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักในภาคกลางและภาคตะวันออก มีน้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาทิ แม่น้ำเจ้าพระยา สะแกกรัง ป่าสัก บางปะกง เป็นต้น ส่วนภาคใต้ มีน้ำน้อยถึงปกติ แนวโน้มลดลง อาทิ แม่น้ำตาปีและแม่น้ำปัตตานี ขณะที่ภาคเหนือ ได้แก่ แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ แม่น้ำมูล แม่น้ำชี และแม่น้ำโขง มีน้ำน้อยถึงปกติ แนวโน้มทรงตัว
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามพบว่ามีอ่างเก็บน้ำเฝ้าระวังน้ำมาก เนื่องจากเกินเกณฑ์ระดับควบคุมสูงสุด 2 แห่ง ได้แก่ อ่างฯน้ำพุง จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำเก็บกัก 56 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 34% ของความจุ ยังมีพื้นที่สามารถรับน้ำได้อีก 109 ล้าน ลบ.ม. อ่างฯจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ มีปริมาณน้ำเก็บกัก 116 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 71% ของความจุ มีพื้นที่สามารถรับน้ำได้อีก 48 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งได้เน้นย้ำกรมชลประทานติดตามสถานการณ์ฝน เพื่อปรับแผนบริหารจัดการน้ำไม่ให้มีการเก็บกักน้ำมากเกิน หากมีฝนตกในพื้นที่มากขึ้นจนส่งผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำได้
ทั้งนี้ กอนช. ได้ติดตามฝนคาดการณ์ระบบ ONEMAP พบว่าในเดือน ก.ย.-ต.ค.ปีนี้ จะมีฝนตกชุกและปริมาณฝนตกมากกว่าค่าปกติ โดยปริมาณน้ำในอ่างฯ ส่วนใหญ่จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือน ก.ย. ต่อเนื่องถึงเดือน พ.ย. โดยอ่างเก็บน้ำที่ปริมาณน้ำมีแนวโน้มมากกว่า 100% ของความจุเก็บกักและมีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ได้แก่ อ่างฯจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ อ่างฯอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น อ่างฯลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา อ่างฯหนองปลาไหล และอ่างฯประแสร์ จ.ระยอง ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งเร่งเก็บกักน้ำสำหรับเป็นน้ำต้นทุนในช่วงฤดูแล้งหน้าด้วย
- อ่างฯแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำเก็บกัก 48 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 18% ของความจุ
- อ่างฯภูมิพล มีปริมาณน้ำเก็บกัก 4,125 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 31% ของความจุ
- อ่างฯแม่จาง มีปริมาณน้ำเก็บกัก 22 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 21% ของความจุ
- อ่างฯสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำเก็บกัก 3,154 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 33% ของความจุ
- บึงบอระเพ็ด มีปริมาณน้ำเก็บกัก 12 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 5% ของความจุ
- อ่างฯทับเสลา มีปริมาณน้ำเก็บกัก 25 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุ
- อ่างฯศรีนครินทร์ มีปริมาณน้ำเก็บกัก 11,051 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 62% ของความจุ
- อ่างฯวชิราลงกรณ์ มีปริมาณน้ำเก็บกัก 3,573 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 40% ของความจุ ซึ่งจะมีการติดตามเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ค. 64)
Tags: กอนช., สมเกียรติ ประจำวงษ์, อ่างเก็บน้ำ, เขื่อน