ที่ประชุมด้านจุลชีววิทยาคลินิกและโรคติดเชื้อแห่งยุโรป (ECCMID) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกรณีหญิงชราวัย 90 ปีชาวเบลเยี่ยมเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า เป็นการติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกัน 2 สายพันธุ์ โดย ECCMID เชื่อว่า กรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่มีการค้นพบเป็นครั้งแรก ซึ่งพิสูจน์ว่าการติดเชื้อพร้อมกัน 2 สายพันธุ์นั้น เกิดขึ้นได้จริง
ECCMID ระบุว่า หญิงคนดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟาและสายพันธุ์เบตา ซึ่งพบครั้งแรกในอังกฤษและแอฟริกาใต้ โดยคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาคาดว่า เธอน่าจะได้รับเชื้อโควิด-19 มาจากผู้ติดเชื้อ 2 รายที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ คณะแพทย์ฯยังเชื่อว่า กรณีนี้เป็นกรณีการติดเชื้อ 2 สายพันธุ์ที่มีการค้นพบเป็นครั้งแรก และแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่การติดเชื้อในลักษณะเดียวกันก็เกิดขึ้นในที่อื่นๆ แล้ว
สถานีโทรทัศน์วีอาร์ทีของเบลเยี่ยมรายงานว่า หญิงชราคนดังกล่าวไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เช่นเดียวกับประชาชนในยุโรปส่วนใหญ่ เนื่องจากปัญหาการนำส่งวัคซีนในช่วงต้นปี 2564 และการระดมฉีดวัคซีนที่เป็นไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ดี ขณะนี้ในสหภาพยุโรป (EU) มีการส่งมอบวัคซีนที่เพียงพอสำหรับการฉีดวัคซีนให้ประชากร 70% จากทั้งหมดแล้ว
“ในช่วงเดือนมี.ค. มีเชื้อโควิด-19 ทั้ง 2 สายพันธุ์แพร่ระบาดในเบลเบี่ยม จึงเป็นไปได้ว่าหญิงคนนี้อาจได้รับเชื้อ 2 สายพันธุ์มาจากผู้ติดเชื้อ 2 รายที่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม เราไม่ทราบว่าการติดเชื้อครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร” แอนน์ แวนเคียร์เบอร์เกน นักจุลชีววิทยาจากโรงพยาบาล OLV ในเมืองอาลสต์เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของวีอาร์ที
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ประกาศเตือนโดยอ้างข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC) ว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายได้ง่ายนั้น อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในยุโรปภายในช่วงฤดูร้อนนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, ยุโรป, เบลเยียม, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์อัลฟา, โควิดสายพันธุ์เบตา