นายกิตติพงษ์ เรือนทิพย์ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า Krungthai COMPASS คาดท่องเที่ยวในเดือน ก.ค. 64 ยังไม่ฟื้น จากภาวะระบาดรุนแรงและมาตรการกึ่งล็อกดาวน์รอบล่าสุด สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในวันที่ 2 ก.ค.ยังมากกว่า 6,000 ราย ประกอบกับมาตรการควบคุมการระบาดที่ผู้ที่เดินทางจากจังหวัดสีแดงเข้มทั้ง 10 จังหวัด (มีกรุงเทพฯ รวมอยู่ด้วย) ต้องกักตัวเมื่อเดินทางไปจังหวัดอื่น ตลอดจนการห้ามรับประทานอาหารในร้านหลายจังหวัดที่มีการระบาด ล้วนเป็นปัจจัยลบต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ทำให้คาดว่าการท่องเที่ยวคงไม่สามารถฟื้นตัวได้ในเดือนนี้
การระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ยืดเยื้อรุนแรงกว่าคาด ผลของการระบาดและการมีมาตรการกึ่งล็อคดาวน์ครั้งล่าสุดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเดือน ก.ค. 64 มีโอกาสอยู่ในระดับต่ำ และทำให้การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวชะลอลงไปอีก ตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศปีนี้เหลือเพียง 63.6 ล้านคน-ครั้ง ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ช่วงจากที่เคยประเมินไว้ที่ 81.2 ล้านคน-ครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นประมาณ 9.7 หมื่นล้านบาท
ด้วยการระบาดในประเทศที่รุนแรงขึ้นจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศหดตัวกว่าที่คาด หลายฝ่ายอาจเริ่มหวังไปที่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก Sandbox Model และคาดว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ดีในปี 65
แม้ว่าจะมีการทำ Sandbox ในไตรมาส 3/64 แต่คาดว่ายังนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่มากนัก ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. 64 จะมีการ Reopen Thailand โดยการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไม่ต้องกักตัวในระยะแรก ในกลุ่ม 10 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ และอาจรวมถึง กรุงเทพฯ ซึ่งแม้การทำ Sandbox จะไม่มีการเลื่อนหรือยกเลิกกลางคัน ก็เป็นที่คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวในช่วงนี้จะยังมาไม่มากนัก เนื่องจากไทยยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศความเสี่ยงสูงหลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เคยมาไทย
หากพิจารณากลุ่มประเทศหลักที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทย พบว่าหลายประเทศยังอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อินเดีย มาเลเซีย สหราชอาณาจักร เป็นต้น ทำให้ไทยยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ อีกทั้งการที่รายชื่อประเทศในแต่ละกลุ่มความเสี่ยงมีการปรับเปลี่ยนได้เสมอ ก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การวางแผนท่องเที่ยวมีความไม่แน่นอนสูงหลายประเทศก็ยังไม่แนะนำให้ประชาชนเดินทางไปเที่ยวไทย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน ตลอดจนประเทศทางตะวันตกอย่าง สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ และหากมีการเดินทางกลับจากไทยก็ต้องทำการกักตัวเป็นระยะเวลาประมาณ 7-14 วัน ทำให้ความไม่สะดวกในการมาเที่ยวไทยมีสูงขึ้นมาก การเปิด Sandbox จึงอาจไม่ช่วยให้ไทยสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ในทันที แต่เป็นการวัดความสามารถในการควบคุมการระบาดพร้อมกับการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย ก่อนจะนำไปสู่การเปิดประเทศในลำดับถัดไป
อย่างไรก็ตามแม้ไทยจะเปิดประเทศในปี 65 แต่การท่องเที่ยวในปีหน้าก็ยังเผชิญกับความเสี่ยงมากมายที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับที่ต่ำอยู่มาก และไวรัสที่กลายพันธุ์ทำให้วัคซีนบางตัวมีอัตราการป้องกันโรคที่ลดลง จากข้อมูลทางการแพทย์ผ่านการรวบรวมโดย Business Insider แสดงให้เห็นว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่บางสายพันธุ์ทำให้อัตราการป้องกันโรคของวัคซีนบางตัวลดต่ำลง ส่งผลให้หลายประเทศที่มีการฉีดวัคซีนให้ประชากรในสัดส่วนที่สูงแล้วอย่าง อังกฤษ และอิสราเอล ที่มี 49.6% และ 55.6% (ข้อมูล ณ 3 ก.ค. 64) ตามลำดับ ต้องประสบกับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอีกขึ้น
หากมีการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นในไทย บางชาติก็อาจไม่แนะนำให้เดินทางมาไทยได้ นอกจากปัจจัยเรื่องความปลอดภัยแล้ว นักท่องเที่ยวอาจหลีกเลี่ยงมาเที่ยวประเทศที่กำลังมีการระบาดของโควิด-19 อยู่ เนื่องจากเมื่อกลับถึงประเทศตนเอง ต้องทำการกักตัวเป็นเวลาหลายวันตามข้อกำหนดของหลายประเทศ เช่น กรณีของประเทศอังกฤษที่มีการจัดกลุ่มประเทศต่างๆตามการฉีดวัคซีนและการระบาดของโรคโควิด-19 หากการระบาดในประเทศเพิ่มขึ้น ประเทศนั้นก็สามารถถูกเปลี่ยนจากกลุ่มสีเขียว (ไม่ต้องกักตัวเมื่อกลับเข้าอังกฤษ) ไปเป็นกลุ่มสีแดงได้ (ต้องกักตัว 14 วันเมื่อกลับอังกฤษ) ในกรณีของอังกฤษ ที่แม้ขณะนี้มีประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วเกือบ 50% แต่ก็ยังประสบกับการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ จึงมีความเป็นไปได้ที่ไทยจะประสบกับภาวะการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อย่างเช่น Gemma ในปีหน้า ถึงแม้ว่าไทยจะฉีดวัคซีนให้ประชากร 50% ครบสองเข็มในช่วงสิ้นปีนี้ก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ไทยจะไม่รับนักท่องเที่ยวในบางประเทศ หากประเทศนั้นมีการระบาดเกิดขึ้น การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจเกิดขึ้นต่างประเทศเช่นกัน โดย ณ เดือนมิ.ย. 64 แม้ประเทศที่ทำการฉีดวัคซีนให้ประชากรจำนวนมากอย่างอังกฤษและอิสราเอลก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น ประเมินว่าสิ้นปี 64 หลายชาติที่มีนักท่องเที่ยวมาไทยจำนวนมาก อาจมีอัตราการฉีดวัคซีนในสิ้นปีนี้ที่ไม่สูงมากนัก ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดการระบาดในประเทศเหล่านั้นก็ยังมีอยู่
ขณะที่จีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่มาไทยอาจยังไม่เปิดประเทศในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 จากความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่หากให้คนในประเทศเดินทางแล้ว อาจนำไวรัสสายพันธุ์ใหม่กลับมาระบาดในประเทศ ทำให้ทางการจีนมีแนวทางที่จะยังไม่เปิดประเทศไปอีก 1 ปี หรือจนถึงกลางปี 65 หากจีนยังไม่เปิดให้คนในประเทศเดินทางจะกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาไทยอย่างมาก เนื่องจากในปี 63 มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยถึงเกือบ 12 ล้านคน
สำหรับการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 65 คาดว่าอาจมีเพียง 9.9 ล้านคน จากที่เคยสูงถึง 39.9 ล้านคนในปี 63 ด้วยปัจจัยความเสี่ยงจากการกลายพันธุ์ของไวรัสที่ทำให้ไทยมีโอกาสจะไม่รับนักท่องเที่ยวจากบางชาติ หรือหากมีการระบาดระลอกใหม่ในไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็อาจหลีกเลี่ยงการมาไทยได้ ตลอดจนการที่จีนอาจยังไม่เปิดให้ประชาชนท่องเที่ยวระหว่างประเทศในปีหน้า ซึ่งตัวเลขอาจสูงกว่านี้ได้ หากภาครัฐสามารถควบคุมการระบาดในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ๆ โดยในยามที่ภาคการท่องเที่ยวไม่สามารถพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยวได้เหมือนเคย การมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพที่จะมาไทยในปีหน้าจึงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
ทั้งนี้มองว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมียมจะฟื้นตัวก่อน จากนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูงจะเป็นกลุ่มที่กลับมาเที่ยวก่อน เนื่องจากน่าจะเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการเดินทางมาท่องเที่ยวได้มากกว่ากลุ่มอื่นที่อาจได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด เนื่องจากที่การเที่ยวต่างประเทศเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกไม่สามารถทำได้เป็นเวลานาน และยังไม่สามารถทำได้โดยสะดวกนักแม้จะมีการเปิดประเทศแล้ว ทำให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่พิเศษมากยิ่งขึ้น ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวจึงอาจมีการใช้จ่ายต่อทริปที่สูงมากขึ้น ซึ่งผลการสำรวจความเห็นจากนักท่องเที่ยวก็ดูจะสนับสนุนข้อสมมตินี้ โดยผลสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้นกับการเข้าพักโรงแรมที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ตลอดจนเลือกที่จะท่องเที่ยวโดยการใช้บริการสายการบินฟูลเซอร์วิสมากขึ้น จึงประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยวในกลุ่มที่เน้นสินค้าและบริการพรีเมียมจะมีการฟื้นตัวได้ก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 64)
Tags: KTB, กิตติพงษ์ เรือนทิพย์, ท่องเที่ยว, ธนาคารกรุงไทย, ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS, เศรษฐกิจไทย