นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตเป็น 10,000 เมกะวัตต์ในปี 73 เพื่อผลักดันรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 100,000 ล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 63 มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 48 โครงการ กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 3,058 เมกะวัตต์ และวางเป้าระยะแรกเพิ่มเป็น 7,200 เมกะวัตต์ในปี 68 ก่อนจะเพิ่มเป็น 10,000 เมกะวัตต์ในอีก 10 ปีข้างหน้า
บริษัทวางเม็ดเงินลงทุนรวม 2.5-3 แสนล้านบาทในระยะ 10 ปีนี้ เพื่อรองรับกำลังการผลิตใหม่ ซึ่ง BGRIM ยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอย่างน้อยในระยะ 5 ปีจากนี้ เนื่องจากได้จัดเตรียมทำแผนเงินทุนต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้ เพื่อรองรับการเติบโต หรือการได้มาซึ่งกระแสเงินสดจากโครงการที่มีอยู่และโครงการใหม่ ผ่านการเข้าซื้อกิจการ (M&A)
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการทำ M&A โครงการโรงไฟฟ้าราว 3-4 โครงการ ทั้งในต่างประเทศและในประเทศ โดยในประเทศมองเป็นรูปแบบของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ส่วนต่างประเทศ ซึ่งอยู่ที่ในประเทศมาเลเซียมองเป็นทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานทดแทน กำลังการผลิตประมาณ 300-500 เมะกะวัตต์ โดยในปีนี้วางงบลงทุนรวม 20,000-40,000 ล้านบาท สำหรับการทำ M&A และโครงการ Greenfield ทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการกังหันลม จ.มุกดาหาร ที่เตรียม COD ในไตรมาส 3/64
นายฮาราลด์ ลิ้งค์ กล่าวว่า การผลักดันเป้าหมายที่วางไว้ให้ประสบความสำเร็จ บริษัทจะดำเนินการผ่าน 7 ยุทธศาสตร์ ที่มุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี สร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่มาของค่านิยมองค์กร บี.กริม ใน 4 เรื่องหลัก คือ ความเป็นมืออาชีพ การมีทัศนคติที่ดี ความร่วมมือกัน และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
สำหรับ 7 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคตเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานสะอาดภายใต้รูปแบบสัมปทานกับภาครัฐในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (B2G) (Significantly expand our gas and renewable generating capacity in the region (B2G)) เพื่อให้บริการไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงอันเป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่หรือการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เช่น สปป.ลาว, เวียดนาม, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, กัมพูชา และฟิลิปปินส์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างบทบาทสำคัญในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเชื้อเพลิงสะอาด (Become a significant player in the LNG business and clean fuel supply) จากความต้องการ LNG ของภูมิภาคอาเซียนซึ่งมีการเติบโตสูงที่สุดในโลก ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโควต้าการนำเข้า LNG จำนวน 1,200,000 ตันต่อปี นำมาสู่โอกาสในการบริหารต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น และโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ทั้งด้านธุรกิจไฟฟ้าและการจำหน่าย LNG หรือการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคในอนาคต นอกจากนี้ยังศึกษาเชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆ เพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคตด้วย
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร (Grow our B2B solution offerings to industrial customers) ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพสูงให้กับโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 รายอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยจะขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมบริการด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร และขยายพื้นที่การให้บริการที่นอกเหนือไปจากนิคมอุตสาหกรรมที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนแนวโน้มการกระจายตัวแบบไม่รวมศูนย์ (Decentralization) มุ่งสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ 4 ให้บริการสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับกลุ่มอาคารพาณิชย์ (Build a foothold in commercial and building segments) ในรูปแบบการนำเสนอโซลูชั่นทางด้านสาธารณูปโภค ภายใต้การผนึกกำลังของบริษัทต่างๆ ในเครือ บี.กริม เพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
ยุทธศาสตร์ที่ 5 ขยายธุรกิจระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในภูมิภาค (Become a significant player in private transmission & distribution) เพื่อสนับสนุนการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพไปสู่ผู้ใช้ โดยอาศัยความชำนาญกว่า 25 ปีของ บี.กริม เพาเวอร์ในการสร้างและควบคุมระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา นำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการเป็น Smart City ต่อไปในอนาคต
ยุทธศาสตร์ที่ 6 ให้บริการพลังงานที่มีคุณภาพและเสถียรภาพผ่านการซื้อขายในระบบ energy trading (Maximize reliability and viability in energy trading) โดยเป็นการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านระบบของการไฟฟ้า ซึ่งอาศัยโครงข่ายอัจฉริยะ (Smart Grid) ที่พัฒนาโดย บี.กริม เพาเวอร์ ปัจจุบัน ทางบริษัทได้นำร่องทดสอบระบบ trading ระหว่างอาคารต่างๆ ในเครือ บี.กริม และในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว
“ทิศทางธุรกิจพลังงานจากนี้ โรงไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ อนาคตคนจะมีโรงไฟฟ้าในบ้าน มีการติดแผงโซลาร์บนหลังคาผลิตไฟฟ้าขายเพื่อนบ้านแบบ Peer to Peer ที่แลกเปลี่ยนกันได้โดยตรง”
นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว
ยุทธศาสตร์ที่ 7 เดินหน้าพัฒนาโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับ “ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น” ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการขับเคลื่อนด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ (Champion global best practices in digital transformation)
นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ 7 ประการ จะควบคู่ไปกับจุดแข็ง 5 ข้อของ BGRIM คือ
- ความสามารถในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ
- การเป็นพันธมิตรที่ดีและได้รับความไว้วางใจ
- ความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการ
- การจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการเติบโตด้วยต้นทุนที่เหมาะสม
- ความพร้อมทางด้าน “ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น” เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ด้วยเป้าหมายก้าวสู่บริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก โดย บี.กริม เพาเวอร์ มีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (ปี พ.ศ.2593)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 64)
Tags: BGRIM, LNG, ก๊าซธรรมชาติเหลว, บี.กริม เพาเวอร์, พลังงาน, หุ้นไทย, ฮาราลด์ ลิงค์, โรงไฟฟ้า