นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การที่ออสเตรเลียประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์เมืองซิดนีย์เพิ่มเป็น 2 สัปดาห์นั้น อาจฉุดมูลค่าทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียลงประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์) นอกจากนี้ ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนยังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างมาก
ปัจจุบันมีชาวออสเตรเลียราว 18 ล้านคน หรือประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมด อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่การฉีดวัคซีนมีความล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีประชากรเพียง 1 ใน 4 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรก เมื่อเทียบกับระดับกว่า 50% ในสหรัฐและสิงคโปร์ และ 66% ในอังกฤษ
นายฌอน แลงเค้ก นักเศรษฐศาสตร์ประจำอ็อกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของอังกฤษ ระบุว่า “การแพร่ระบาดจะยังคงเป็นสาเหตุของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จนกว่าการฉีดวัคซีนจะมีความคืบหน้า”
ด้านนักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ และบริษัทหลักทรัพย์ AMP ประเมินว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียจะได้รับความเสียหายเป็นมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียจากการล็อกดาวน์ในเมืองซิดนีย์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งเท่ากับประมาณ 0.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ขณะที่นายเชน โอลิเวอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ AMP กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุดในออสเตรเลียนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียจับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างระมัดระวังในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะจัดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 6 ก.ค. โดยคาดว่า RBA จะประกาศปรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจซื้อพันธบัตรในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 64)
Tags: GDP, ซิดนีย์, ฌอน แลงเค้ก, ธนาคารกลางออสเตรเลีย, มอร์แกน สแตนลีย์, มาตรการล็อกดาวน์, ออสเตรเลีย, เชน โอลิเวอร์, เศรษฐกิจออสเตรเลีย