สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันอังคาร (29 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน และกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.63% ปิดที่ 60.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 64.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์หรือนับตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าสินค้าของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่า การค้ามีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากมีรายงานว่า สมาชิกหลายประเทศของโอเปกพลัสต้องการให้เพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการผลิตเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ สู่ระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยระบุถึงความตึงเครียดทางการค้า รวมทั้งการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของโอเปกพลัส ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันส่วนเกินในตลาด 1 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมของสมาชิก 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 5 พ.ค. โดยที่ประชุมจะตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดกำลังการผลิตในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน