ผู้ว่าฯ ธปท. แนะเตรียมรับมือพายุสงครามการค้า อย่าชะล่าใจแม้เสถียรภาพการเงินแข็งแรง

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลังการรับบริจาคทองคำ จากคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน รวม 10 กิโลกรัม โดยระบุว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากการบริจาคทองคำนั้น จะเห็นว่ามีประโยชน์หลายด้าน โดยด้านแรก คือ ทองคำที่อยู่ในบัญชีเงินตรา จะช่วยหนุนหลังธนบัตรที่ใช้หมุนเวียนทุกวัน ซึ่งจะมีความมั่นใจว่ามีเงินหนุนหลัง

ด้านที่สอง คือ ความไว้ใจและความน่าเชื่อถือของธปท. รวมถึงธนาคารกลางทุกแห่ง เพราะว่าเชื่อมั่นต่อธนบัตรที่พิมพ์เพิ่มออกมา โดยจะเห็นว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศปัจจุบันมีสูงมากกว่าในช่วงก่อนที่มีโครงการ “ผ้าป่าช่วยชาติ” โดยในปี 2541 มีอยู่ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 2.76 แสนล้านดอลลาร์ ทวีคูณเป็นระดับ 10 เท่า

“ไทยมีทองคำหนุนหลัง ทำให้ไทยมีเสถียรภาพ รวมถึงเสถียรภาพทางด้านต่างประเทศ เพราะถ้าประเทศไหนไม่มีเสถียรภาพ และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไม่เพียงพอ ค่าเงินจะไม่มีเสถียรภาพ” ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุ

ทั้งนี้ แม้ว่าทุนสำรองระหว่างประเทศจะมีค่อนข้างสูง มีเสถียรภาพทางการเงินสูงกว่าเมื่อเทียบในปี 2540-2541 แต่ถ้าเทียบกับ 5-6 ปีก่อนก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากทั้งหนี้ครัวเรือน และหนี้สาธารณะของไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงไม่ควรชะล่าใจ

“หากมองไปข้างหน้า พายุกำลังจะมาจากสงครามการค้า แม้จะยังไม่มาไม่เต็มที่ แต่มาแน่นอน ช่วงนี้จึงต้องใส่ใจเสถียรภาพ เพราะเราเห็นพายุกำลังจะมาจะต้องทำให้เรือแข็งแรง อุดรูรั่ว ทำงานอย่างสามัคคี เพราะถ้าเรือรั่วจะไปกันทั้งหมด ดังนั้น ความเสียสละ และความร่วมมือร่วมใจเป็นสิ่งสำคัญ” ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุ

  • จับตาหากมีการแก้ไข กม. 2 ฉบับ เสี่ยงถูกล้วงเงินทุนสำรองฯ

ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า การเก็บรักษาทองคำที่ได้รับบริจาค และการดูแลในเชิงรูปธรรม โดยทองคำทั้งหมดจะถูกเก็บอยู่ที่ห้องมั่นคง มีการตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง เพื่อดูแลความปลอดภัยของตู้และกล่องเก็บ และทุกๆ 5 ปี จะมีการสุ่มตรวจ 3% ของทองคำทั้งหมด โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาร่วมตรวจด้วย โดยทองคำ 13,129.832 กิโลกรัม ยังอยู่ครบทั้งหมด

สำหรับการดูแลความปลอดภัยในเชิงกฎหมายในการปกป้องและคุ้มครองทองคำ จะมีกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ พ.ร.บ.เงินตรา เปรียบเหมือน “โอ่ง 2 ใบ” ซึ่งโอ่งใบแรก จะแยกบัญชี ถือเป็นบัญชีทำธุรกรรมซื้อขายดูแลเสถียรภาพ จะมีการ “ยุบหนอพองหนอ” ได้ เพื่อดูแลค่าเงิน และอีกบัญชีแยกชัดเจน คือ บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ จะแยกเป็น 3 บัญชีย่อย โดยทองคำ จะอยู่ในบัญชีพิเศษ เทียบเคียงกับ “เงินก้นถุง” มีความปลอดภัยในแง่กฎหมาย

“หากถามว่า จะมีอะไรที่ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงเงินสำรองเงินตราตรงนี้ หรือเงินบริจาค ถ้าจะมี คือ การแก้กฎหมาย 2 ฉบับที่กล่าวมา เอามาไว้รวมกัน ซึ่งเป็นจุดเสี่ยง ซึ่งเราก็ดูแลไม่ให้เกิดขึ้น และต้องจับตามอง หากมีการเกิดขึ้น ก็มีความสุ่มเสี่ยงของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศและเงินผ้าป่าช่วยชาติจะถูกนำไปใช้ ดังนั้น หากมีสัญญาณการแก้กฎหมาย ก็ต้องเฝ้าระวัง” นายเศรษฐพุฒิ ระบุ

  • ไทยถือครองทองคำมากติดอันดับ 17 ของโลก

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า แม้ข้อมูลสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์จะไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ ธปท.มีนโยบายการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย โดยธนาคารกลาง และธปท.ที่มีการถือครองดอลลาร์ค่อนข้างมากนั้น เหตุผลหลักมาจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นบัญชีที่มีไว้ซื้อขายสินค้า กู้เงิน และชำระเงิน โดยธุรกรรมส่วนใหญ่จะเป็นดอลลาร์ ทำให้เงินทุนสำรองฯ มีเงินดอลลาร์จำนวนไม่น้อย ซึ่งไม่เฉพาะธปท.เท่านั้น แต่รวมถึงธนาคารกลางแห่งอื่นด้วย

“แม้ว่าดอลลาร์จะเสื่อมค่าลง และคนหนีไปถือสกุลเงินอื่น แต่ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินก้อนใหญ่ โดยไทยมีการถือและกระจายในหลายสกุลเงิน และไทยยังถือครองทองคำมากที่สุดเป็นอันดับที่ 17 ของโลก จึงไม่ได้หวังพึ่งพิงดอลลาร์อย่างเดียว แต่ยังมีการกระจายการลงทุนไปสินทรัพย์อื่นด้วย” นายเศรษฐพุฒิ ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 68)

Tags: , , ,
Back to Top