
ในวันที่ 30 เม.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอให้ออกหมายจับและออกหมายขัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมารับโทษที่เหลืออยู่ เนื่องจากเห็นว่านับตั้งแต่นายทักษิณ เดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยังไม่ได้ถูกคุมขังในเรือนจำเลย กำลังเป็นที่สนใจของสังคม โดยเชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะส่งผลให้มีแรงกระเพื่อมทางการเมืองเกิดขึ้น
- ย้อนไทม์ไลน์ “ทักษิณ”
– 22 ส.ค.66 นายทักษิณ เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากประเทศสิงคโปร์กลับมาถึงสนามบินดอนเมือง เวลาประมาณ 09.00 น.หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนต่างๆ ก่อนจะส่งไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
– 23 ส.ค.66 ช่วงกลางดึก กรมราชทัณฑ์ส่งตัวนายทักษิณเข้ารับการรักษาที่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากอาการความดันสูงกำเริบ แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก
– 1 ก.ย.66 ได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือจำคุก 1 ปี
– 23 ต.ค.66 ส่งเข้าห้องผ่าตัดออร์โธปิดิกส์ หลังผ่าตัดเสร็จได้มาพักที่ห้องไอซียู ศัลยกรรมประสาท (NICU)
– 22 ธ.ค.66 ครบ 120 วันที่ออกจากรักษาตัวนอกเรือนจำ
– 31 ส.ค.67 ครบกำหนดโทษ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ยกคำร้องที่นายชาญชัย, นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และแกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ได้ร่วมกันยื่นขอให้ไต่สวนบังคับคดีโทษจำคุกนายทักษิณใน 3 คดี คือ คดีเอ็กซิมแบงก์ คดีหวยบนดิน และคดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต โดยระบุว่าทั้ง 3 คดีสิ้นสุดแล้ว การบังคับโทษและการอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ส่วนเจ้าหน้าที่ปฎิบัติชอบหรือไม่ ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 68)
Tags: ทักษิณ ชินวัตร, พรรคประชาธิปัตย์, ศาลฎีกา, เรือนจำ, โรงพยาบาลตำรวจ