พาณิชย์ เปิดเวที “ถอดรหัสภาษีทรัมป์” โอกาสการค้ายุคใหม่ที่ไทยต้องทำคะแนน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเวทีสัมมนา “ถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์: โอกาสของการค้ายุคใหม่” ร่วมกับผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน อาทิ หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และทูตพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกา โดยชี้ว่า ภายใต้นโยบายภาษีสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจกลายเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเป้าหมายที่ไทยสามารถเข้าไปทดแทน พร้อมเร่งเดินหน้าเจรจา FTA กับหลายประเทศ ควบคู่มาตรการเข้มสกัดสินค้าด้อยคุณภาพและการสวมสิทธิ์นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

นายพิชัย กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้เห็นว่าในภาวะวิกฤต ย่อมมีโอกาส ประเทศไทยจึงควรวิเคราะห์เชิงลึกว่าสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บอย่างเข้มข้นได้อย่างไร โดยเฉพาะสินค้าไทยที่มีศักยภาพ เช่น ถุงมือยาง ยางรถยนต์ และอาหารสัตว์ ซึ่งปัจจุบัน ไทยครองส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ประมาณ 20% ขณะที่จีนซึ่งเผชิญภาษีสูง อาจสูญเสียตลาดส่วนนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ไทยสามารถแทรกตัวเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้

“เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าส่งออกทะลุ 29,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงการส่งออกที่ยังดำเนินต่อไปได้ แม้ในภาวะความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์” นายพิชัย กล่าว

รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ และการสวมสิทธิ์ทางการค้า โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินคดีกับสินค้าด้อยคุณภาพแล้วกว่า 29,000 คดี และตรวจพบบริษัทต้องสงสัยว่าเป็นนอมินี (Nominee) แล้ว 852 บริษัท มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมกว่า 15,000 ล้านบาท อีกทั้งเตรียมตรวจสอบเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแอบอ้างสิทธิ์การค้าไทย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ โดยเฉพาะ FTA ไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการเจรจาได้ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการเจรจากับเกาหลีใต้ และแคนาดา ซึ่งยังดำเนินต่อเนื่อง แม้มีอุปสรรคจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในบางประเทศ

ในส่วนของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีการหารือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธนาคารขนาดใหญ่ และบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งให้ความสนใจบทบาทของไทย ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินและห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค รวมถึงการแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์อย่างจริงจัง

“เราต้องไม่ยอมให้สินค้าจากประเทศที่ถูกกีดกันทางภาษี ใช้ไทยเป็นทางผ่าน ด้วยการเปลี่ยนฉลาก หรือเอกสารต้นทาง เพราะนั่นไม่เพียงกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศ แต่ยังอาจทำให้ไทยตกเป็นเป้าหมายของมาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า โดยกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้รับผิดชอบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) เพียงผู้เดียวแทนเอกชน เพื่อความน่าเชื่อถือ” รมว.พาณิชย์ ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 68)

Tags: , ,
Back to Top