
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากไทย ว่า ส่งผลให้การค้าหยุดชะงักไป หรือบางส่วนไม่ลงทุนเลย เพราะฉะนั้นจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของไทยอย่างแน่นอน แต่ระดับของความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะออกมา ส่วนจะส่งผลต่อการจ่ายเงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 หรือไม่ ขอให้ใจเย็น ๆ
“ช่วงนี้ ทุกคนคิดไม่ออก เปรียบเสมือนนาฬิกาที่หยุดเดิน หรือเดินบ้าง ไม่เดินบ้าง การค้าหยุดชะงักไป บางส่วนยังซื้อ บางส่วนไม่ซื้อ หรือบางส่วนไม่ลงทุนเลย เพราะฉะนั้นจะส่งผลต่อ GDP อย่างแน่นอน นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะแรง หรือไม่แรง”
รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ
นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จะต้องประเมินผลกระทบในแต่ละระดับความรุนแรงทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นหากประเมินว่า GDP ไม่ดี หมายความว่าประชาชนไม่มีความกินดีอยู่ดี คือ ไม่มีกำลังซื้อ ไม่มีเงิน ไม่มีการจ้างงาน ไม่มีการผลิตและการบริการ นำมาซึ่งการส่งออกและบริโภคภายในประเทศ จึงนำมาซึ่งแนวคิดว่า หากเกิดเหตุเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไร เพื่อที่จะทำให้คนที่มีรายได้น้อยกลับมามีรายได้ ทำให้เกิดการจ้างงานได้
ส่วนแนวคิดเรื่องการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาทนั้น นายพิชัย ระบุว่า ต้องพิจารณารายละเอียดของโครงการเป็นอันดับแรก โดยจะต้องสามารถตอบโจทย์การเพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
“การลงทุนคงไม่ใช่ขนาดย่อม ๆ ควรจะเป็นอะไรที่เราเรียกร้องมานาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งขณะนี้ คงยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะเกินกว่าสถานการณ์ไป” รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 68)
Tags: กระตุ้นเศรษฐกิจ, กู้เงิน, พิชัย ชุณหวชิร, เศรษฐกิจไทย