“โมดี” ประกาศกร้าว จะไล่ล่าผู้ก่อเหตุกราดยิงแคชเมียร์ “ไปจนสุดขอบโลก”

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ลั่นวาจาในวันนี้ (24 เม.ย.) ว่าจะไล่ล่า ติดตาม และลงโทษผู้ก่อการร้ายรวมถึงผู้สนับสนุนอย่างถึงที่สุด เพื่อตอบโต้เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่กลุ่มติดอาวุธกราดยิงนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์ ซึ่งตำรวจระบุตัวมือปืน 2 ใน 3 รายว่าเป็นชาวปากีสถาน

ระหว่างการปราศรัยในรัฐพิหาร ทางตะวันออกของอินเดีย นายกฯ โมดีได้พนมมือเพื่อรำลึกถึงชาย 26 คนที่ถูกสังหารในทุ่งหญ้าเขตปาฮัลกัมในแคชเมียร์ส่วนที่อินเดียควบคุม พร้อมเรียกร้องให้ผู้ร่วมชุมนุมหลายพันคนร่วมพนมมือไว้อาลัย

“เราจะไล่ล่าพวกมันไปจนสุดขอบโลก” นายกฯ โมดีประกาศกร้าวถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยไม่ได้เอ่ยชื่อปากีสถานหรือระบุสัญชาติของผู้โจมตีโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงดังกล่าวส่อเค้าทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติเพื่อนบ้านมหาอำนาจนิวเคลียร์ในเอเชียใต้ตึงเครียดหนักยิ่งขึ้น หลังจากอินเดียตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับปากีสถานเมื่อวันพุธ (23 เม.ย.) ด้วยการระงับสนธิสัญญาแบ่งปันแม่น้ำสินธุที่บังคับใช้มานาน 6 ทศวรรษ และสั่งปิดด่านพรมแดนทางบกเพียงแห่งเดียวระหว่างสองประเทศ

การตัดสินใจระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุสร้างความไม่พอใจให้กับปากีสถาน โดยอาวาอิส เลคารี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานปากีสถาน โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) เมื่อคืนวันพุธว่า “การที่อินเดียระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุอย่างบุ่มบ่าม ถือเป็นการก่อสงครามน้ำ เป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและผิดกฎหมาย”

ขณะเดียวกัน ตำรวจในแคชเมียร์ฝั่งอินเดียได้เผยแพร่ประกาศระบุชื่อผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธ 3 ราย ที่เชื่อว่า “มีส่วนเกี่ยวข้อง” กับการโจมตีดังกล่าว พร้อมประกาศให้รางวัลนำจับ โดยในประกาศนั้นระบุว่า ผู้ต้องสงสัย 2 ใน 3 รายเป็นชาวปากีสถาน

อนึ่ง ทั้งอินเดียและปากีสถานต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแคชเมียร์ทั้งหมด แต่ปัจจุบันควบคุมดูแลคนละส่วน

วิกรม มิสรี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย แถลงเมื่อวันพุธ (23 เม.ย.) ว่า คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงข้ามพรมแดนของเหตุโจมตีดังกล่าวแล้ว ซึ่งนับเป็นการโจมตีพลเรือนที่รุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษของอินเดีย อย่างไรก็ตาม มิสรีไม่ได้แสดงหลักฐานหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ อินเดียยังได้ดำเนินมาตรการทางการทูตเพิ่มเติม โดยจะถอนที่ปรึกษาด้านกลาโหมออกจากปากีสถาน และลดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตในกรุงอิสลามาบัดจาก 55 คน เหลือ 30 คน ตามการเปิดเผยของมิสรี

สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า อินเดียได้เรียกตัวนักการทูตระดับสูงสุดของสถานทูตปากีสถานในกรุงนิวเดลี เพื่อแจ้งว่า ที่ปรึกษาด้านกลาโหมทั้งหมดในสถานทูตปากีสถานเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา (persona non grata) และให้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการเดินทางออกนอกประเทศ

นายกฯ โมดียังได้เรียกประชุมร่วมกับพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค เพื่อชี้แจงแนวทางการตอบโต้ของรัฐบาลต่อเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้

ทั้งนี้ อินเดียมักกล่าวหาปากีสถานว่าสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในแคชเมียร์ ขณะที่ปากีสถานยืนยันว่าให้เพียงการสนับสนุนทางการทูตและให้กำลังใจแก่ขบวนการเรียกร้องสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 68)

Tags: , , , , , ,
Back to Top