นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังสมาชิกพรรคอยากให้ปรับเปลี่ยนในกระทรวงที่เกี่ยวกับการค้า จะทำให้แรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยลดลงหรือไม่ ว่า เป็นเรื่องภายในที่ต้องคุยกัน ตนเข้าใจว่า เป็นเรื่องเสียงสะท้อนของสมาชิกในพรรค แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีพูดอย่างนี้แล้ว ผู้มีหน้าที่ก็ต้องช่วยกันอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ เข้าใจว่าเหตุการณ์คลี่คลายลง เมื่อหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายยืนยัน และยินดีสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่ผ่านมาผิดคิวก็ว่ากันไป แต่สถานการณ์ขณะนี้มีความเข้าใจกันดีขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจปรับคณะรัฐมนตรี เชื่อว่าในพรรคไหนก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนกระแสข่าวการปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พูดกันตรงไปตรงมา เพราะมีคณิตศาสตร์การเมือง เราเห็นตัวเลขกันอยู่ว่า ถ้าเอาพรรคนั้นออกจะเหลือตัวเลขเท่าไร มันเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ทางการเมือง ความมั่นคงทางการเมือง คนที่เขาทำงานการเมืองต้องเอาเรื่องนี้มาดู มาวิเคราะห์ว่าควรจะเป็นอย่างไร
“แต่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยงจนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า ในทางการเมือง ถือว่าเสี่ยงเกินไป ฉะนั้น ถ้าทำอะไรให้เรียบร้อย พอจะไปกันได้ ก็ต้องว่ากันไป การเมืองก็แบบนี้ ต้องดูกันไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร การเมืองต้องดูเป็นช็อต เป็นช็อตไป” นายชูศักดิ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค.นี้ ขณะเดียวกัน จะมีการพิจารณา พ.ร.ก.อีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา เพราะสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้ว
ส่วนจะมีการโหวตล้มร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ หรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การโหวตล้มกฎหมายงบประมาณเป็นเรื่องใหญ่มาก ตนคิดว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้น ควรให้มันเดินไปได้ บริหารบ้านเมืองกันไป ทำนโยบายให้สำเร็จ
ส่วนจะมีโอกาสปรับ ครม.หลังผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณหรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ และขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเดินจับมือนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ลงจากตึกไทยคู่ฟ้า วานนี้ (22 เม.ย.) ซึ่งถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณสยบข่าวรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ที่ผ่านมา ตนกับนายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงานร่วมกันมาอย่างดี ปกติจะเดินคุยกัน จับไม้จับมือกันอยู่แล้ว เป็นธรรมดา เป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลจะผลักพรรคภูมิใจไทยออก และดึงพรรคพลังประชารัฐเข้าแทนว่า เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจ หากจะมองต่อไป ในเรื่องสมการและตัวเลขทางการเมือง หรือจำนวน สส.ของฝ่ายค้าน ก็ยังมีในส่วนของคดี 44 สส. ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อ 25 สส.ของพรรคประชาชนที่อยู่ในสภาฯ ด้วย และตัวแปรนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อสมการทางการเมือง
“ถ้ามองตัวเลขทางการเมือง ก็มีความเป็นไปได้ หากมีเรื่อง 44 สส.เข้ามา แต่ถึงอย่างไร ก็อยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี คงไม่สามารถตอบแทนพรรคเพื่อไทยได้” หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว
ส่วนความเป็นไปได้ในการนำพรรคประชาชนเข้าไปแทนนั้น นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เรื่องนี้น่าจะตอบได้ค่อนข้างชัดในสภาชุดนี้ ว่าพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว
“ตอนนี้ยืนยันว่า อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชนไม่มีทาง ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปคุย และไม่คิดจะเข้าไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล” นายณัฐพงษ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 68)
Tags: ชูศักดิ์ ศิรินิล, ปรับคณะรัฐมนตรี, พรรคภูมิใจไทย, รัฐบาลเพื่อไทย