ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งแรงสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังทรัมป์เลื่อนเก็บภาษีนำเข้า

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) โดยดัชนีส่วนใหญ่ทำสถิติปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการจัดเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้าหลายแห่ง ส่งผลให้ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากที่เผชิญกับแรงขายอย่างหนักก่อนหน้านี้

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 487.28 จุด เพิ่มขึ้น 17.39 จุด หรือ +3.70%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,126.02 จุด เพิ่มขึ้น 263.00 จุด หรือ +3.83%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,562.73 จุด เพิ่มขึ้น 891.85 จุด หรือ +4.53% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,913.25 จุด เพิ่มขึ้น 233.77 จุด หรือ +3.04%

การระงับเก็บภาษีนำเข้ามีผลในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากเพิ่งเริ่มใช้ โดยสหภาพยุโรป (EU) ก็ได้ตัดสินใจชะลอมาตรการตอบโต้ด้านภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่าราว 2.1 หมื่นล้านยูโรด้วย

ข่าวการชะลอเก็บภาษีของทรัมป์ถือเป็นข่าวดีของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดทั่วโลกเผชิญแรงขายอย่างหนักจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงแล้วราว 9% และปรับตัวลงจากจุดสูงสุดในเดือนมี.ค.กว่า 13%

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ เพราะทรัมป์ยังคงเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติม รวมถึงยังมีภาษีนำเข้ารถยนต์และการเก็บภาษีพื้นฐาน 10% ที่ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นยูโรโซนยังอยู่ในระดับสูงถึง 37 จุด ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนยังคงคาดว่า ตลาดจะมีความผันผวนอย่างมาก

บรรดานักลงทุนมีความเชื่อมั่นน้อยลงว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยมองว่ามีโอกาสราว 97% ที่ ECB จะลดดอกเบี้ยในเดือนเม.ย. จากเดิมที่ก่อนหน้านี้มั่นใจเกือบ 100% และยังคาดการณ์ว่า ECB จะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ภายในสิ้นปีนี้

หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มที่ร่วงหนักที่สุดก่อนหน้านี้คือกลุ่มธนาคาร, กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มพลังงาน ซึ่งพุ่งขึ้น 5.2%, 3.8% และ 2.5% ตามลำดับ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ย ทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบกว่า 3 ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 68)

Tags: ,
Back to Top