
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,593.66 จุด ลดลง 1,014.79 จุด หรือ -2.50%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,268.05 จุด ลดลง 188.85 จุด หรือ -3.46% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,387.31 จุด ลดลง 737.66 จุด หรือ -4.31%
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยล่าสุดทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 125% ในวันพุธ (9 เม.ย.) แต่อัตราภาษีดังกล่าวยังไม่รวมกับที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เพื่อลงโทษจีนที่ไม่ได้สกัดการไหลทะลักของยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราสูงถึง 145%
ถ้อยแถลงดังกล่าวของทำเนียบขาวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า สหภาพยุโรป (EU) จะชะลอการใช้มาตรการตอบโต้การเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาทางการค้าของทั้งสองฝ่าย
เจเน็ต เยลเลน อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการทำร้ายตัวเองมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา และแม้ว่านักลงทุนบางส่วนคลายความวิตกหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ชะลอการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวออกไป 90 วัน แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกทั่วก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะตื่นตระหนกอันเนื่องมาจากการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 21.12% ปิดที่ 40.72
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 2.8% ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 3.1% ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.0%
แม้ข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แต่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในขณะนี้ยังคงไม่ชัดเจน โดยมิเชล โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แต่ผลกระทบของนโยบายการค้าของปธน.ทรัมป์ยังคงไม่แน่นอน ขณะที่ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งของเฟดนั้น ควรจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อนโยบายการค้ามีความชัดเจน
หุ้นเกือบทุกกลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 6.4% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 4.5% ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคดีดตัวขึ้น 0.19%
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน (JPMorgan), มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) และเวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 68)
Tags: dowjones, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก