ราคาทองคำย่อปรับฐานระยะสั้นสะสมกำลังขึ้นต่อ YLG ชี้ปัจจัยบวกจีน-สหรัฐขึ้นภาษีตอบโต้

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำผันผวนหลังจากปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 3,167.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย. ขานรับการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของสหรัฐ ที่อาจกระทบเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทองคำถูกแรงขายทำกำไร เนื่องจากทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้พุ่งขึ้นขานรับประเด็นดังกล่าวมาตลอดเกือบไตรมาส 1 ที่ผ่านมา จึงเกิดการ Sell on fact จนราคาปรับตัวลดลง 210 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลง 6.63% สู่ระดับ 2,956.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันที่ 7 เม.ย. แต่เมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ ถือว่าทองคำยังคงยืดหยุ่นกว่าอย่างมาก และแม้ราคาจะปรับลดลงมาอย่างรวดเร็ว แต่นับจากต้นปีมาถึงราคาปิดวันที่ 9 เม.ย. ทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นถึง 460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 17.48%

สำหรับความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นนี้ มีปัจจัยหลักมาจากความกังวลต่อนโยบายการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ ที่เริ่มบานปลายจากการตอบโต้ของทางฝั่งจีน จนนำไปสู่การกประกาศตัวเลขอัตราการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นจนท้ายที่สุดจีนโดนสหรัฐเรียกเก็บภาษีมากถึงอัตรา 125% ซึ่ง YLG ประเมินไว้ 2 แนวทาง ดังนี้

1. หากแต่ละประเทศเข้าเจรจาผ่อนปรนภาษีแต่เจรจาไม่สำเร็จ ส่งผลให้ยกระดับความตึงเครียด และสถานการณ์ยืดเยื้อ กรณีนี้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ อย่างเลวร้ายจะเข้าสู่สภาวะ Stagflation ผลกระทบต่อทองคำ คือ ทองคำจะปรับตัวลงในระยะแรกจากความต้องการเงินท่ามกลาง Risk-off ก่อนจะปรับตัวขึ้นแรงจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย กรณีนี้จะหนุนทองคำได้อย่างมากในระยะถัดๆไป โดยมีเป้าหมายทองคำที่ระดับ 3,300-3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

2. ขณะเดียวกันหากแต่ละประเทศสามารถเจรจาและหาทางออกร่วมกันได้และลดความตึงเครียดลง กรณีนี้ สินทรัพย์เสี่ยงกลับมาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะบั่นทอนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดีมองว่าทองคำจะกลับมาเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานเดิม ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ยังคงหนุนทองคำ เพียงแค่ Upside อาจน้อยกว่ากรณีแรก กรณีนี้ให้เป้าหมายทองคำไว้ที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นอกจากนี้ มองว่าแรงขายทำกำไรทองคำยังมาจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปี จึงเกิดแรงขายทำกำไรและเป็นแรงขายเพื่อถือเงินสด และโยกเงินเติมมาร์จิ้นและชดเชยผลขาดทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ดังนั้น คาดว่าแรงขายรอบนี้เป็นเพียงปฏิกิริยาระยะสั้นเท่านั้น เช่นเดียวกับครั้งที่ทองคำเคยถูกเทขายลงมาพร้อมตลาดหุ้นทั่วโลกให้ช่วงการระบาดของ COVID-19

และที่สำคัญคือ ทองคำยังไม่สูญเสียสถานะของสินทรัพย์ปลอดภัยแต่อย่างใด เพียงแต่แรงขายในตลาดทองคำส่งผลให้มุมมองเทคนิคระยะกลางเข้าสู่ช่วงของการพักฐานในระยะกลาง สะสมกำลังเพื่อปรับตัวขึ้นต่อในระยะยาว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานต่อทองคำยังไม่เปลี่ยนแปลง

YLG จึงประเมินว่าการพักตัวของทองคำในระยะกลางจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาวในการกลับเข้าสะสมทองคำอีกครั้งเมื่อราคาย่อตัวลง เนื่องจากความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเกิด Recession ในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะส่งผลให้เฟดต้องกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือ ยุติการทำ Quantitative Tightening (QT) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคำ และจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำได้อย่างมากในปี 2025

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 68)

Tags: , , , ,
Back to Top