กสทช. ผลักดันระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติระบบ EWS ผ่านโครงข่ายทีวี เชื่อม Cell Broadcast

น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประชุมหารือเพื่อติดตามความคืบหน้าการแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่านโทรทัศน์ตามประกาศหลักเกณฑ์ว่าด้วยภัยพิบัติที่มีอยู่ และพัฒนาแนวทางเพิ่มเติมโดยบูรณาการช่องทางสื่อสารผ่านโครงข่ายทีวีดิจิทัล

สำหรับระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (Emergency Warning System: EWS) ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล เป็นระบบที่สามารถกระจายข้อมูลภาพและเสียงได้ในพื้นที่วงกว้าง โดยสามารถแจ้งเตือนทั่วทั้งประเทศพร้อมกันหรือเลือกสื่อสารเฉพาะพื้นที่ได้ตามลักษณะพื้นที่ครอบคลุมซึ่งประชาชนจะสามารถเข้าถึงได้ทันทีขณะที่รับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล

ทั้งนี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) ได้มีการติดต่อประสานงานมายังสำนักงาน กสทช. เพื่อทดลองทดสอบและพัฒนาระบบดังกล่าว และ กสทช. ได้จัดการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตั้งแต่ปลายปี 2567 โดย ททบ.5 ได้มีการทดลองทดสอบเบื้องต้นในระบบปิดซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี

จากการสำรวจทางเทคนิคในเบื้องต้น MUX ที่มีความพร้อมและสามารถทดลองทดสอบในระบบเปิดได้เลยคือโครงข่ายของ ททบ.5 และไทยพีบีเอส ซึ่งครอบคลุมสัดส่วนการรับชมประมาณ 88% ของผู้รับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดที่ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ฯ ผู้ให้บริการช่องรายการโทรทัศน์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องทำความเข้าใจและประสานงานกันในอีกหลายประเด็น จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและเตรียมการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (EWS) ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลขึ้น เมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา

อนึ่ง การผลักดันระบบ EWS สอดคล้องกับนโยบายและแผนการดำเนินงานที่สำคัญของ กสทช. ประจำปี 2568-2569 ที่ระบุถึงการส่งเสริมการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงการออกแบบสำหรับทุกคน (inclusive design) และบูรณาการการแจ้งเหตุฉุกเฉินและการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีเป้าหมายการให้บริการการเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (EWS) ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล การสนับสนุนการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือ (Cell Broadcasting System Mobile Alert System) รวมทั้งติดตามการดำเนินการในการจัดทำระบบเพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ในระหว่างการประชุม ผู้แทนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ชี้แจงถึงความคืบหน้าของระบบแจ้งเตือนภัยผ่านมือถือซึ่งที่ผ่านมา กสทช. ได้สนับสนุนงบประมาณให้ ปภ. เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการในส่วนของ Cell Broadcast Entity (CBE) เป็นผู้รวบรวม ตรวจสอบข้อมูล และกำหนดข้อความและเนื้อหาในการเผยแพร่ โดยมีกระทรวงดิจิทัลฯ รับหน้าที่เชื่อมต่อระบบ Cloud Server และการเชื่อมต่อ CBE กับศูนย์ Cell Broadcast Center (CBC) โดยในการเผยแพร่ข้อความ กรมป้องกันฯ จะใช้มาตรฐานกลางของข้อมูลที่จะแลกเปลี่ยนระหว่างระบบที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัติ (Common Alert Protocol: CAP) ซึ่งเป็นมาตรฐานของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) รองรับได้ทุกช่องทางการสื่อสาร ทุกประเภทของภัยพิบัติ

ในส่วนของช่องโทรทัศน์ภัยพิบัตินั้น ก่อนหน้านี้ ในการประชุมคณะกรรมการ กสทช. เมื่อวันพุธที่ 18 กันยายน 2567 บอร์ด กสทช. มีมติเห็นชอบอนุญาตให้ ทรท. ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์เพื่อการทดลองหรือทดสอบตามโครงการทดลองส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล หมายเลข 1 เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการแจ้งเตือนภัยในกรณีเกิดภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน โดยอนุญาตสำหรับการทดลองหรือทดสอบเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. รวมถึงได้มีการมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. จัดทำบันทึกข้อตกลงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีภารกิจหน้าที่ด้านภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน ได้แก่ กรมป้องกันฯสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมฝนหลวงและการบินเกษตร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ และกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินงานของ ทรท. รูปแบบการนำเสนอเนื้อหารายการ และการติดตามและประเมินผลการดำเนินการของ ทรท.

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านเนื้อหาในการสื่อสารด้านภัยพิบัติ และการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติหลายหน่วยงานยังไม่แล้วเสร็จ จึงทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ที่ประชุมเห็นประโยชน์ของการมีช่องทางเฉพาะที่เชื่อถือได้ในการสื่อสารภัยพิบัติในระดับสาธารณะ จึงเห็นว่าควรแสวงหาแนวทางปรึกษาหารือกับ ปภ. และหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับผู้มีอำนาจสั่งการตามกฎหมายในแต่ละประเภทภัยพิบัติต่อไป

“อยากให้มองไปข้างหน้าและพยายามหาทางทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานอย่างบูรณาการกันมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาสจากการขาดระบบสื่อสารภัยพิบัติที่แม้จะมีหลายแพลตฟอร์ม แต่ก็มีการออกแบบให้เหมาะสมกับประเภทของภัยที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและดูแลประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”น.ส.พิรงรอง กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 68)

Tags: , , , , ,
Back to Top