ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง หลังเทรดวอร์รุนแรง-กลุ่มเฮลท์แคร์ดิ่งหนัก

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันพุธ (9 เม.ย.) หลังจากจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ กว่าเท่าตัว โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วงนำตลาด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเติมเฉพาะกลุ่มนี้

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 469.89 จุด ลดลง 17.02 จุด หรือ -3.50%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,863.02 จุด ลดลง 237.40 จุด หรือ -3.34%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,670.88 จุด ลดลง 609.38 จุด หรือ -3.00% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,679.48 จุด ลดลง 231.05 จุด หรือ -2.92%

ดัชนี STOXX 600 อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในเดือนมี.ค. มากกว่า 16% และเข้าใกล้เกณฑ์ 20% ซึ่งจะถือว่าเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (bear market)

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วงลง 5.8% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565 หลังทรัมป์ยืนยันแผนการที่จะเก็บภาษี ครั้งใหญ่สำหรับยานำเข้าทั้งหมด โดยหุ้นของบริษัทยารายใหญ่ เช่น โรช (Roche), โนวาร์ติส (Novartis), โนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) และ แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ต่างก็ร่วงลงระหว่าง 5.8-6.9%

กระทรวงการคลังจีนระบุว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 84% เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ จากเดิมที่ประกาศไว้ 34% เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 104% ตั้งแต่วันพุธ (9 เม.ย.)

การตอบโต้ด้วยภาษีของทั้งสองประเทศจุดชนวนให้ตลาดทั่วโลกเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่นักลงทุนเริ่มขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปกติถือว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยจากความกังวลว่าสงครามการค้าจะกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และอาจกระตุ้นให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น

ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป (EU) ก็ประกาศเก็บภาษี 25% กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในรอบแรกของมาตรการตอบโต้ หลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มใช้ภาษีที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศเช่นกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง 3.1% หลังนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

เจ้าหน้าที่ ECB ยืนยันพร้อมรักษาเสถียรภาพทางการเงินหากตลาดปั่นป่วนมากขึ้น และเตือนว่าความเสี่ยงต่อการเติบโตในยูโรโซนกำลังเพิ่มขึ้น

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วง 5% หลังราคาน้ำมันดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วง 3.7% จากความกังวลว่าความต้องการจากจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ของโลกจะชะลอตัว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 68)

Tags: ,
Back to Top