
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% ในวันพุธ (9 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ให้กับประเทศต่าง ๆ เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นจีน
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 2.77 ดอลลาร์ หรือ 4.65% ปิดที่ 62.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.66 ดอลลาร์ หรือ 4.23% ปิดที่ 65.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปธน.ทรัมป์ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน และมีผลบังคับใช้ในทันที โดยปธน.ทรัมป์เปิดเผยถึงสาเหตุของการระงับภาษีดังกล่าวว่า มาจากการที่ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 75 ประเทศได้ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อเจรจาหาทางออกและคลี่คลายความวิตกกังวลด้านการค้า
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 125% จากเดิม 104% โดยมีผลบังคับใช้ในทันที เพื่อตอบโต้จีนที่เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% จากเดิม 34% โดยมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดีที่ 10 เม.ย.
สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวในระหว่างวันนั้น สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 260,000 บาร์เรล
นอกจากนี้มีรายงานว่า ผู้ดำเนินการระบบท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน (Keystone) ในแคนาดาและสหรัฐฯ ได้ประกาศภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) ในวันพุธที่ 9 เม.ย. หลังเกิดน้ำมันรั่วไหลใกล้กับเมืองฟอร์ตแรนซอม รัฐนอร์ทดาโกตา โดยท่อส่งน้ำมันแห่งนี้ถูกปิดดำเนินการแล้วเมื่อวันอังคารที่ 8 เม.ย.
ทั้งนี้ ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ข้อพิพาทด้านแรงงาน การประท้วง การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน