CONSENSUS: HMPRO แผ่นดินไหวจุดพลุยอดขาย Q2/68 หนุนทั้งปีทะลุเป้า ซื้อหุ้นคืนดัน Sentiment

โบรกเกอร์ต่างแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ [HMPRO] เก็งยอดขายไตรมาส 2/68 จะได้แรงหนุนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวหนุน SSSG เฉลี่ยทั้งปีเพิ่มขึ้นและสูงกว่าเป้าเล็กน้อย แม้ยอดขายใน 2 เดือนแรกจะหดตัว ขณะเดียวกันบริษัทมีโครงการซื้อหุ้นคืน ช่วยเสริม sentiment บวกให้ราคาหุ้นได้บ้าง อีกทั้งเป็นหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ

นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของกำไร HMPRO กำลังอยู่ในช่วงกลับเข้าสู่ระดับปกติ และการเน้นขยายสาขารูปแบบ Hybrid เพื่อควบคุมต้นทุน จึงคาดว่ากำไรของ HMPRO จะเติบโต YoY ต่อเนื่องทุกไตรมาสของปีนี้

ราคาหุ้น HMPRO ล่าสุด เมื่อเวลา 14.33 น.อยู่ที่ 8.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท (+5.52%) ขณะที่ SET บวก 0.92%

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)

กรุงศรี ซื้อ 13.50

ทิสโก้ ซื้อ 13.10

ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 11.80

ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 10.70

กสิกร Outperform 9.90

เคจีไอ ซื้อ 9.60

เอเอสแอล ซื้อ 9.50

นางสาวจิตรา อมรธรรม กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG)ของ HMPRO ลดลง 4% และ 5% ในเดือนม.ค. และ ก.พ. 68 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยอดขายเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ส่งผลให้ยอดขายเฉลี่ยไตรมาส 1/68 จนถึงปัจจุบัน ติดลบน้อยลง

ทั้งนี้การชะลอตัวของ SSSG ในช่วงสองเดือนแรกของปี 68 เป็นผลมาจากปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่ กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังชะลอตัว มาตรการสนับสนุนผ่าน e-receipt ที่ลดลงจากวงเงิน 50,000 บาทในระยะเวลาใช้จ่าย 60 วัน (ปี 67) เหลือเพียง 30,000 บาท ในระยะเวลาใช้จ่าย 44 วัน (ปี 68) เดือนกุมภาพันธ์ 68 มีจำนวนน้อยกว่าปีที่แล้ว 1 วัน ซึ่งคิดเป็นผลกระทบต่อยอดขายประมาณ 3.4%

อย่างไรก็ดี เราคาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 1/68 จะยังสามารถเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) อยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากสัดส่วนสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทที่เพิ่มขึ้น การไม่มีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดจากการเปิดสาขาใหม่ และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

แต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวเข้ามาช่วยยอดขายในไตรมาส 2/68 ได้บ้าง เป็นผลกระทบช่วงระยะเวลาหนึ่งที่มีการซ่อมแซม โดยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 ส่งผลให้ราคาหุ้นของ HMPRO ปรับตัวขึ้นสูงสุดถึง 6% เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าบริษัทจะได้อานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมบ้านที่เพิ่มขึ้น โดยเราเชื่อว่าสถานการณ์นี้อาจช่วยสนับสนุนยอดขายของ Mega Home แต่ผลกระทบโดยรวมคาดว่าจะจำกัด

ปัจจัยที่จะมีนัยสำคัญต่อรายได้มากกว่าคือการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งเราคาดว่าจะหดตัวในปีนี้ สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 54 ซึ่งกินเวลานานประมาณ 7 เดือน ในช่วงนั้น ราคาหุ้นของ HMPRO พุ่งขึ้นราว 25% รายได้ในปี 55 เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และกำไรเติบโตขึ้น 34% เมื่อเทียบปีต่อปี

จากปัจจัยต่าง ๆ ที่ท้าทายมากขึ้นของภาคที่อยู่อาศัยในปี 68 ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ลง 1.7% โดยหลักมาจากการปรับลดสมมติฐานยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เหลือ เติบโต 2% (จากเดิม เติบโต 3% แต่ยังดีกว่าระดับ ลดลง 4% ในปี 2567) อย่างไรก้ดี HMPRO จะไม่ได้รับผลกระทบจาการขึ้นภาษีของสหรัฐ

ในปี 68 บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่จำนวน 12 สาขา (เทียบกับ 9 สาขาในปี 67) โดยในจำนวนนี้จะเป็นรูปแบบไฮบริด (HomePro และ Mega Home อยู่ในพื้นที่เดียวกัน) จำนวน 7 สาขา ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านลงทุนต่อสาขาลงได้ราว 30–40% เมื่อเทียบกับรูปแบบสาขาปกติ

ทั้งนี้ประมาณการกำไรสุทธิใหม่ของเราสำหรับปี 68 อยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท เติบโต 4.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (ลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 6.6%)

แม้จะมีการปรับประมาณการกำไรเพียงเล็กน้อย แต่เราได้ปรับเพิ่ม WACC เป็น 8% (จากเดิม 7%) ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย ปรับลดลงมาอยู่ที่ 11.80 บาท จากเดิม 13.20 บาท

ราคาเป้าหมายใหม่สะท้อนค่า P/E ปี 68 ที่ระดับ 22.7 เท่า ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ระดับ -2SD แม้ว่าบริษัทจะมีงบดุลที่แข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ 5% และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 25% เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น HMPRO

บล.เอเอสแอล ระบุว่า แนวโน้มปีนี้ผู้บริหารตั้งเป้า SSSG เพิ่มขึ้น 2-3% และแผนเปิดสาขาใหม่ HomePro 7 สาขา และ MEGA HOME 5 สาขา ตั้งเป้าสัดส่วนการขายสินค้า house brand ที่ 22% จากปีก่อนที่ 21% ตั้งเป้าสัดส่วนการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไว้ที่ 8% และงบลงทุนที่ 7-8 พันล้านบาท

แนวโน้มไตรมาส 1/68 คาดชะลอลง YoY จาก SSSG มีแนวโน้มลดลง 2-3% จากผลกระทบของ มาตรการ Easy E-Receipt ที่ปีก่อน 50,000 บาท แต่ปีนี้มีจำนวน 30,000 บาท รวมถึงจำนวนวันที่ลดลงกว่าปีก่อนอีก 1 วัน ส่งผลให้เราคาดรายได้ในงวด เท่ากับ 17,738 ล้านบาท ลดลง 2.0% ด้าน GPM อยู่ที่ระดับ 27.0% ด้านรายได้อื่นใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 680 ล้านบาท ลดลง 0.1% ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังคงทำได้ดี คาดไว้ที่ระดับ 18.1% ทรงตัวจากปีก่อน ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิเท่ากับ 1,667 ล้านบาท ลดลง 2.7%

ทั้งนี้คาดว่าในช่วงของ ไตรมาส 2/68 จะได้ปัจจัยหนุนรายได้หลังจากมีการเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา คาดจะมี Pent-up Demand ทั้งในส่วนของ HomePro และ MEGA HOME ช่วยหนุนให้ SSSG เฉลี่ยทั้งปีเพิ่มขึ้นได้สูงกว่าเป้าที่ผู้บริหารวางไว้เล็กน้อย

แนะนำ “ซื้อ” HMPRO ที่ราคาเหมาะสม 9.50 บาท/หุ้น จาก EPS 0.54 บาทต่อหุ้น รวมผลจากโครงการซื้อหุ้นคืนแล้ว และอิง PER ที่ 17.5 เท่า

ด้านบล.เคจีไอ ยังคงมองว่าอัตราการเติบโตของกำไร HMPRO กำลังอยู่ในช่วงที่กลับเข้าสู่ระดับปกติ เราคิดว่าอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้นหลังแผ่นดินไหว และ โครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทน่าจะช่วยสร้างภาวะตลาดเชิงบวกให้ราคาหุ้นได้บ้าง แต่เรามองว่าประมาณการกำไรมี upside จำกัด เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 9.60 บาท

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ HMPRO ใน ไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY เพิ่มขึ้น 1% QoQ) คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้น (Easy e-Receipt) มาในไตรมาสแรก แต่เราคาดว่า same-store-sales (SSS) ใน ไตรมาส 1/68 ของ HMPRO จะยังหดตัวลงประมาณ 5% (จากที่หดตัว 2.1% ใน ไตรมาส1/67 และ 0.7% ใน ไตรมาส4/67) เพราะกำลังซื้อที่อ่อนแอท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และ มาตรการกระตุ้นมีขนาดเล็กลง เราใช้สมมติฐานว่า SSS ปีนี้จะโต 0.5% ในขณะที่บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 2-3% และ เมื่อประกอบกับการขยายสาขาใหม่ เราคาดว่ายอดขายใน ไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY เพิ่มขึ้น 6% QoQ โดยมีจำนวนสาขา 136 ร้าน ณ สิ้นงวด ไตรมาส 1/68 (จาก 128 ร้าน ณ สิ้นงวด ไตรมาส 1/67 และ 136 ณ สิ้นงวด ไตรมาส 4/67)

นอกจากนี้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 26.3% (+0.1ppts YoY, -1.5ppts QoQ) จากสมมติฐานปี 2568F ที่ 26.9% (+0.1ppts) และ เป้าของบริษัทที่ 27.0% (+0.20ppts) เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เพราะกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้า house-brand ผ่านทั้ง HomePro และ MegaHome ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อย QoQ เพราะผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาล เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ที่ 19.1% (จาก 18.5% ใน ไตรมาส 1/6 และ 20.8% ใน ไตรมาส 4/67) เพราะค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคลดลง (ค่าไฟลดลง ~1% YoY และ ค่าสาธารณูปโภคคิดเป็นประมาณ 1-2% ของยอดขายรวม) และ การคุมต้นทุน

ทั้งนี้ยังคงมองว่าอัตราการเติบโตของกำไร HMPRO กำลังอยู่ในช่วงที่กลับเข้าสู่ระดับปกติ และ มองว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้างจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทย และ ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้นหลังแผ่นดินไหว (46% ของร้านในรูปแบบ Homepro ตั้งอยู่ภาคกลาง), โครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัท และ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ ~5% น่าจะช่วยสร้างภาวะตลาดเชิงบวกได้บ้าง และ เป็นปัจจัยที่ช่วยรองรับราคาหุ้นในระยะสั้น ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง, ใช้กลยุทธ์ house-brand กับทั้งร้านในรูปแบบ HomePro และ Mega Home, และ คุมต้นทุน เราจึงคาดว่ากำไรของ HMPRO จะโต YoY ได้ทุกไตรมาสในปีนี้ ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรปี 2568F-2569F เอาไว้เท่าเดิม

แนะนำ “ซื้อ” HMPRO โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 9.60 บาท อิงจาก PER ที่ 18.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่างหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 68)

Tags: , , , ,
Back to Top