
สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า เม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำทั่วโลกในไตรมาส 1/2568 มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส เนื่องจากนักลงทุนที่ต้องการแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมืองนั้น ได้พากันเข้ามาลงทุนในกองทุน ETF ทองคำอย่างคึกคักในไตรมาส 1 โดยกองทุนดังกล่าวเป็นที่เก็บทองคำแท่งสำหรับนักลงทุน
ข้อมูลจาก WGC ระบุว่า กองทุน ETF ทองคำทั่วโลกมีปริมาณทองคำไหลเข้าจำนวน 226.5 เมตริกตันในไตรมาส 1 คิดเป็นมูลค่า 2.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปริมาณมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2565 อันเป็นช่วงเวลาที่ตลาดทั่วโลกเผชิญกับผลกระทบจากการที่รัสเซียใช้กำลังทหารบุกยูเครน
ปริมาณทองคำที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้การถือครองทองคำโดยรวมของกองทุน ETF ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 3,445.3 ตัน ณ สิ้นเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นปริมาณมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 ส่วนสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้คือ 3,915 ตันในเดือนต.ค. 2563
นอกจากนี้ WGC ระบุว่า กองทุน ETF ทองคำที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ มีปริมาณทองคำไหลเข้ามากที่สุดที่ 133.8 ตันในไตรมาส 1 ขณะที่กองทุน ETF ทองคำที่จดทะเบียนในยุโรปมีปริมาณทองคำไหลเข้าอยู่ที่ 54.8 ตัน
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนแห่ถือครองกองทุน ETF ทองคำอย่างคึกคักในช่วงต้นปีนี้ และเป็นการถือครองต่อเนื่องจากในปี 2567 หลังจากที่เม็ดเงินไหลออกจากกองทุนดังกล่าวเป็นเวลา 3 ปี อันเนื่องมาจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรครั้งหม่ในช่วงต้นเดือนนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดการเงินทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีดังกล่าวอาจจะนำไปสู่การทำสงครามการค้าทั่วโลก และส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้และภาษีศุลกากรพื้นฐาน โดยอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันพุธที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้แล้วในวันแสาร์ที่ 5 เม.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 68)
Tags: ETF, ทองคำ, ราคาทองคำ, สภาทองคำโลก