ดาวโจนส์ปิดร่วง 320.01 จุด หวั่นทรัมป์เดินหน้ารีดภาษีตามกำหนด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันอังคาร (8 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 5,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินหน้าบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ ตามกำหนดที่วางไว้

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,645.59 จุด ลดลง 320.01 จุด หรือ -0.84%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,982.77 จุด ลดลง 79.48 จุด หรือ -1.57% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,267.91 จุด ลดลง 335.35 จุด หรือ -2.15%

ในช่วงแรก ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เม.ย. รัฐบาลของเกือบ 70 ประเทศก็ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ ก็เปิดกว้างสำหรับการเจรจากับประเทศต่าง ๆ

แต่ดัชนีได้ร่วงลงสู่แดนลบในเวลาต่อมา หลังจากแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตามกำหนด ซึ่งถือเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่ต่างก็คาดหวังว่าปธน.ทรัมป์อาจจะเลื่อนหรือผ่อนปรนการเรียกเก็บภาษี ก่อนที่มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย.

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 104% ในวันพุธที่ 9 เม.ย. เวลา 00.01 น.ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับเวลา 11.01 น.ตามเวลาไทย โดยก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์ให้เวลารัฐบาลจีนจนถึงวันอังคารที่ 8 เม.ย.ในการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 34% มิฉะนั้นจีนจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 50% ซึ่งจะทำให้จีนถูกเรียกเก็บภาษีรวมสูงถึง 104%

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 11.39% ปิดที่ระดับ 52.33 ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 2.96% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 2.54%

หุ้นบริษัทประกันสุขภาพดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์กรุ๊ป (UnitedHealth Group) พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นฮิวมานา (Humana) ทะยานขึ้น 10.7% หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอัตราการจ่ายเงินให้กับบริษัทประกันภัยเอกชนที่เข้าร่วมโครงการแผนสุขภาพ “Medicare Advantage” ปี 2569 เป็น 5.06%

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน (JPMorgan), มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) และเวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo) จะรายงานผลประกอบการในวันศุกร์นี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 68)

Tags: , , ,
Back to Top