
นาโอยูกิ ชิโนฮาระ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านนโยบายค่าเงินของญี่ปุ่น กล่าวในวันนี้ (8 เม.ย.) ว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะกดให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเหมือน “ข้อตกลงพลาซา” (Plaza Accord) เมื่อปี 2528 นั้น ไม่น่าจะสำเร็จ เพราะต้องได้รับความร่วมมือจากจีนและสหภาพยุโรป (EU)
ชิโนฮาระให้เหตุผลว่า การขอความร่วมมือจากจีนและ EU เป็นเรื่องยากมากในตอนนี้ เพราะปธน.ทรัมป์ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจจากนโยบายภาษีนำเข้า ซึ่งต่างจากปี 2528 ที่คุยแค่กับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างญี่ปุ่นและเยอรมนี โดยการทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าในตลาดโลกปัจจุบันต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายประเทศมากกว่านั้น
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า รัฐบาลทรัมป์อาจผลักดัน “ข้อตกลงมาร์อาลาโก” (Mar-a-Lago Accord) ซึ่งเป็นดีลใหญ่เพื่อกดดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงและลดการขาดดุลการค้ามหาศาลของสหรัฐฯ แต่ชิโนฮาระชี้ว่า สถานการณ์ตอนนี้จำเป็นต้องดึงจีนและชาติยุโรปเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก นอกจากนี้ การที่ประเทศต่าง ๆ จะร่วมมือกันแทรกแซงค่าเงินในปัจจุบันนั้นได้ผลน้อยลงกว่าแต่ก่อน เพราะตลาดการเงินมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก
ชิโนฮาระ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของญี่ปุ่นในช่วงปี 2550-2552 เตือนว่า ความคาดเดาไม่ได้ของนโยบายภาษีทรัมป์กำลังสร้างความผันผวนในตลาด ทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่าจะรับมืออย่างไร
นอกจากนี้ ชิโนฮาระยังเตือนว่า นโยบายภาษีของทรัมป์ โดยเฉพาะภาษีนำเข้ารถยนต์ที่อาจเกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ อย่างมาก โดยเฉพาะรถยนต์ ชิโนฮาระแนะว่าญี่ปุ่นควรกระจายความเสี่ยงทางอุตสาหกรรมออกจากตลาดสหรัฐฯ
สำหรับนโยบายในญี่ปุ่น ชิโนฮาระมองว่า แม้ตอนนี้เงินเยนอ่อนค่าจะสร้างปัญหาอยู่บ้าง แต่หากเงินเยนกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วก็จะทำให้ภาคการผลิตออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมกับเสริมว่า แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ควรจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตามหลักการ แต่ความผันผวนของตลาดในขณะนี้ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปได้ยาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 เม.ย. 68)
Tags: ญี่ปุ่น, นโยบายค่าเงิน