
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่ามีโอกาสแกว่งตัวลงมาก่อนค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา หลังเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง ซึ่งตลาดหุ้นไทยหยุดทำการ โดยยังคงมีปัจจัยกดดันต่อเนื่องจากความกังวลการขึ้นภาษีอย่างรุนแรงของประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งทำให้กระทบการค้าโลก และกระทบต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯก็ได้มีการออกมาตรการควบคุมการซื้อขาย ปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ และห้ามขายชอร์ตชั่วคราวออกมา ซึ่งป้องกันไม่ให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปแรงมากได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเช้าวันนี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่รีบาวด์กลับขึ้นมาเพิ่มขึ้น ทำให้มองว่าหากปรับตัวลงไปรับผลกระทบจากเมื่อวานก็อาจกลับมาฟื้นตัวตามตลาดหุ้นเอเชียได้
โดยให้แนวต้าน 1,130-1,35 จุด แนวรับ 1,050-1,100 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,965.60 จุด ลดลง 349.26 จุด หรือ -0.91%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,062.25 จุด ลดลง 11.83 จุด หรือ -0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,603.26 จุด เพิ่มขึ้น 15.48 จุด หรือ +0.10%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 3431,729.11 จุด เพิ่มขึ้น 592.53 จุด หรือ +1.90% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,157.52 จุด เพิ่มขึ้น 329.22 จุด หรือ +1.66% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,094.26 จุด ลดลง 2.32 จุด หรือ -0.07%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 เม.ย.) 1,125.21 จุด ลดลง 36.60 จุด (-3.15%) มูลค่าซื้อขาย 48,338.49 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (4 เม.ย.)6,423.86 ลบ.
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. (7 เม.ย.) ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.08% ปิดที่ 60.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 เม.ย.) 3.25 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.60 อ่อนค่าสุดรอบ 3 เดือน ตลาดกังวลนโยบายภาษีสหรัฐ
– ตลาดหลักทรัพย์ฯ “ห้ามทำชอร์ตเซล” ชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling/Floor จาก 30% เหลือ 15% กำหนดกรอบราคา Dynamic Price Band จาก 10% มาที่ 5% มีผลวันนี้ (8 เม.ย.) ถึง 11 เม.ย. 68 หวังพยุงเสถียรภาพและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน หลังตลาดหุ้นเอเชียดิ่งหนัก-ดัชนีดาวโจนส์ต่ำสุดรอบ 6 ปี
– นายกฯ นัดประชุมรับมือ เส้นตายภาษีทรัมป์ 8 เม.ย.เคาะแผนรับมือ ดัน “พิชัย ชุณหวชิร” หัวหน้าทีมลุยสหรัฐ 17 เม.ย.นี้ วางกรอบเจรจาเพิ่มนำเข้า ลดภาษีให้สหรัฐเป็นทางเลือกสุดท้าย พร้อมเพิ่มความร่วมมือทหาร ลดพึ่งพาจีน ลดใช้ไทยเป็นฐานส่งออกจีน ส.อ.ท.ชี้ 7 กลุ่มอุตสาหกรรมกระทบหนัก “ยานยนต์-อาหาร-เหล็ก-สิ่งทอ”
– “นักเศรษฐศาสตร์” ชี้ไทย กระทบหนัก เผชิญ 2 โจทย์ใหญ่ “แผ่นดินไหว-ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าไทย 36%” ด้าน “กอบศักดิ์” ชี้เศรษฐกิจไทยเจอแรงต้านแรงกว่าที่คาด หวัง “นโยบายการเงิน-การคลัง” ช่วยพยุง “เศรษฐกิจไทย” เร่งด่วน มอง กนง. มีช่อง “ลดดอกเบี้ย” ได้ 30 เม.ย. นี้ แนะ “การคลัง” ออกนโยบายให้ตรงจุด หาทางรอดเศรษฐกิจไทย “พิพัฒน์” ชี้ไทยต้องเร่งเจรจา “ทรัมป์” ลดผลกระทบ “กสิกรไทย” เชื่อ “ลดดอกเบี้ย” ช่วยลดภาระประชาชน-ธุรกิจ
– “คลัง” เดินเครื่องทบทวนเงื่อนไขหวังผลักดันไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ EV ปูพรมสนับสนุนการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ปักธงเข็น 2 ขา ทั้งด้านดีมานด์และซัพพลาย พร้อมแจงไม่ทิ้งอุตสาหกรรมรถสันดาป ยันประคับประคองให้สามารถปรับตัวและเติบโตไปด้วยกัน
หุ้นเด่นวันนี้
– BDMS (กสิกรไทย) ราคาพืนฐาน 29.40 บาท เราชอบ BDMS สำหรับ Defensive play ในฐานะเครือข่ายโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย โดยปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ -1SD ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักและเกิดขึ้นเพียงสามครั้งตั้งแต่ปี 2553 เมื่อมองไปข้างหน้า เราคาดว่า BDMS จะรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งได้จนถึงปี 2568โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ซึ่งรายได้มีแนวโน้มที่จะเกินเป้าหมายของฝ่ายบริหารที่ 7-8% สำหรับครึ่งแรกของปี 2568 จากการประเมินของเรา BDMS มีแนวโน้มที่จะเติบโตของรายได้อย่างน้อย 8% ในสองเดือนแรกของปี 2568ทำให้เป็นโรงพยาบาลเพียงสองแห่งจาก PR9 ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1 ปี 2568
– GFPT (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.90 บาท ได้ Sentiment บวกเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า ประกอบกับแนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ แนวคิดการนำเข้าสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อรับมือภาษีศุลกากรตอบโต้มองว่าดี ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในประเทศซีกโลกเหนือและประเด็นสงครามการค้า ส่งผลบวกต่อผู้ส่งออกไก่ไทยมีโอกาสขายมากขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อไก่ในตลาดโลก เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน แนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 1/68 คาดกำไรเพิ่ม QoQ หนุนจากราคาเนื้อไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงหนุน margin ขยายตัว ส่วนแบ่งกำไรจาก McKey และ GFN จะฟื้นตัว ส่วนภาพรวมปี 68 เบื้องต้นตลาดคาดกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน +15%YoY
– OR (ไอร่า) คาดผลการดาเนินงานปี 2568 จะฟื้นตัว นาโดยค่าการตลาดที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 0.9-1.0 บาทต่อลิตร จาก 0.83 บาทต่อลิตรในปี 2567 และคาดแนวโน้มราคาน้ามันดิบที่ลดลง จะลดผลกดดันจากค่าการตลาดได้ และเมื่อราคาน้ามันถูกลง คาดจะส่งผลทางอ้อมให้มีการใช้น้ามันสาเร็จรูปเพิ่มขึ้น ประกอบกับการขยายสาขาของ caf? Amazon อย่างต่อเนื่องจะช่วยลดความผันผวนของผลการดาเนินงาน เราแนะให้จับตาการขยายธุรกิจในส่วนของ Lifestyle ซึ่งมีอัตราส่วนกาไรขั้นต้นสูง,M&A ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและการเข้าสู่ธุรกิจ Health and Wellness
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 เม.ย. 68)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย