จีนสั่งระงับรัฐวิสาหกิจทำธุรกิจเพิ่มกับเครือ “ลี กาชิง” เซ่นพิษปมขายท่าเรือปานามา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานวันนี้ (27 มี.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รัฐบาลจีนได้สั่งให้บริษัทรัฐวิสาหกิจของตน หยุดทำข้อตกลงทางธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งหมดเป็นการชั่วคราว กับบริษัทในเครือของ ลี กาชิง มหาเศรษฐีฮ่องกง และครอบครัว

คำสั่งดังกล่าวออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน สาเหตุมาจากแผนของบริษัท ซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิงส์ (CK Hutchison Holdings) ที่จะขายท่าเรือ 2 แห่งในปานามาให้กับกลุ่มทุนระดับโลก ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้รัฐบาลปักกิ่ง ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

แหล่งข่าวระบุว่า ข้อตกลงเดิมที่รัฐวิสาหกิจจีนทำไว้กับบริษัทของลี กาชิง จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่จากนี้ไป โครงการหรือดีลใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับบริษัทของเขา จะยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลในทันที

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าทางการจีนกำลังตรวจสอบการลงทุนทั้งหมดของตระกูลลี ทั้งในจีนและต่างประเทศ เพื่อทำความเข้าใจภาพรวมธุรกิจของพวกเขาให้ชัดเจนขึ้น ถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อมหาเศรษฐีวัย 96 ปีรายนี้ หลังจากมีประเด็นเรื่องแผนขายท่าเรือ

อนึ่ง แผนขายท่าเรือดังกล่าว ซึ่งรวมถึง 2 แห่งในปานามา ให้กับกลุ่มทุนที่นำโดยแบล็คร็อค (BlackRock Inc.) คาดว่าจะทำให้ ซีเค ฮัทชิสัน ได้เงินสดกว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ การขายครั้งนี้กลายเป็นที่จับตาของจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เคยกล่าวถึงในทำนองว่าเป็นการที่สหรัฐฯ ได้คลองปานามากลับคืนมา แม้ว่าจริง ๆ แล้ว ท่าเรือในปานามาจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขายท่าเรือทั้งหมด 43 แห่งทั่วโลกของซีเค ฮัทชิสัน ก็ตาม

มีรายงานด้วยว่า จีนกำลังพิจารณาดีลขายท่าเรือนี้ในแง่ความมั่นคงของชาติและการป้องกันการผูกขาด แต่จีนอาจมีอำนาจต่อรองไม่มากนัก เพราะท่าเรือในจีนและฮ่องกงไม่ได้รวมอยู่ในการขายครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อซีเค ฮัทชิสัน จากการถูกระงับดีลใหม่ก็อาจไม่มากนัก เพราะบริษัทมีรายได้จากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงรวมกันเพียง 12% โดยธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ครอบคลุมทั้งค้าปลีก โทรคมนาคม ท่าเรือ และสาธารณูปโภค

แม้จะมีคำสั่งห้ามดีลใหม่ แต่มีข่าวว่าการเจรจาเพื่อสรุปข้อตกลงขายท่าเรือปานามายังคงเดินหน้าต่อไป และคาดว่าจะมีการลงนามตามกำหนดเดิมในวันที่ 2 เม.ย.นี้

ขณะเดียวกัน ก็มีสัญญาณว่าตระกูลลียังไม่ได้ถูกจีนขึ้นบัญชีดำเสียทีเดียว เพราะริชาร์ด ลี ลูกชายคนเล็กของลี กาชิง เพิ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสำคัญที่ปักกิ่ง แต่บริษัท เอฟดับบลิวดี กรุ๊ป โฮลดิงส์ (FWD Group Holdings) ของเขา ซึ่งตั้งใจจะขยายธุรกิจในจีน ก็อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ได้ ส่วนบริษัท ซีเค แอสเสท (CK Asset) ของวิคเตอร์ ลี ลูกชายคนโต ก็มีการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และธนาคารที่ดิน (land bank) จำนวนมากในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่แล้ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top