
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (25 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.30 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 3,025.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์จาก CPM Group กล่าวว่า นักลงทุนเดินหน้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์จะก่อให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลก และจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย นอกจากนี้ มาตรการภาษีของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้วกว่า 15% และเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ปีนี้ ราคาทองทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3,057.21 ดอลลาร์ เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ (24 มี.ค.) ว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่ภาษีทั้งหมดจะถูกบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff)
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มี.ค. 68)
Tags: COMEX, ทองคำนิวยอร์ก, ราคาทอง, ราคาทองคำ