“กัณวีร์” ซัดแรง! ส่งกลับอุยกูร์ แค่ “ละครคุณธรรม” เป็นการฟอกขาวรัฐบาล

สำหรับการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันแรก ในช่วงค่ำนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจประเด็นสิทธิมนุษยชน ต่อกรณีที่รัฐบาลส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือ การที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขาดเจตนารมณ์การบริหารประเทศ ลอยตัวเหนือปัญหา กฎหมายภายในและภายนอก ทำลายภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นหว่างประเทศ หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้ผลักดันชาวอุยกูร์กว่า 40 คนไปประเทศจีน

นายกัณวีร์ ระบุว่า วันที่ 18-20 มี.ค.68 เป็นเวลาเปิดม่านละครคุณธรรม เดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ 5 คน เป็นละครปลายปิดที่รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งไว้ฟอกขาวการกระทำของท่าน ให้มองว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้สมัครใจหรือไม่ เป็นการหลอกลวง ปู้ยี่ปู้ยำ นโยบายการต่างประเทศของประเทศไทย

“สิ่งที่ท่านแถลงว่าจะไม่เลือกข้าง แต่รู้หรือไม่ว่าเลือกข้างไปหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้เลือกข้างผิด สิ่งที่ท่านโดน ตั้งแต่ผลักดันอุยกูร์กลับประเทศจีน การประณามจากเวทีระหว่างประเทศ ทั้งจากรัฐบาลและจากสหประชาชาติ สหภาพยุโรป ในขณะที่เราพยายามด้านความสัมพันธ์ FTA…การตระบัตสัตย์ในประเทศ ว่าเลวร้ายแล้ว แต่หากไปตระบัตสัตย์ในเวทีระหว่างประเทศ เลวร้ายยิ่งกว่า ข้อตกลงไทยกับอียู มีกระดูกสันหลังว่าห้ามขัดหลักการสิทธิมนุษยชน” นายกัณวีร์ กล่าว

พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดรัฐบาลต้องเอาตัวเองไปอยู่ตรงกลางระหว่างการเมืองระหว่างประเทศ เราต้องมีจุดยืนที่มั่นคง แต่ไม่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ จะมีจุดยืนที่มั่นคงในเวทีระหว่างประเทศ ไม่มีนโยบายการต่างประเทศ ที่จะทำไทยหลุดพ้นจากการเมืองระหว่างประเทศ ในศตวรรษที่ 21 เรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเจนถึงการไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้วุฒิภาวะ ไร้ความเป็นผู้นำ ทำตัวอยู่เหนือผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ยึดมั่นในนโยบายที่ตัวเองมี ถือเป็นการทุจริตเชิงนโยบายต่างประเทศ

 

“ภูมิธรรม” โต้กลับ “กัณวีร์” หยุดจินตนาการ ยันรัฐบาลไม่ได้เลือกข้าง

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงว่า การส่งชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีน และกล่าวหาว่าเป็นการเล่นละครอย่างนั้น ตนขอใช้คำพูดของอดีตรองนายกฯ ว่า “ท่านเป็นนักโกหกตัวยง” อย่าหาว่าตนกล่าวเลือนลอย สิ่งที่นายกัณวีร์พูด เข้าใจได้ว่าไร้ประสบการณ์ และไม่เคยบริหารประเทศ พยายามพูดหลายเรื่องเพื่อแสดงออกโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ และความมั่นคงของชาติ ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง

“ใช้แต่จินตนาการ พูดแล้วเหมือนไม่รักประเทศ และจินตนาการต่อไปเรื่อย โดยนำสิ่งเหล่านี้มาวิจารณ์คนอื่นว่าเป็นนักต้มตุ๋น และเป็นนักแสดง ซึ่งทั้งหมดถ้าชี้นิ้วมาที่ผม ทั้งหมดก็จะกลับไปหาตัวท่าน” นายภูมิธรรม ตอบโต้

พร้อมชี้แจงต่อว่า ปัญหาชาวอุยกูร์เป็นปัญหาที่ตกค้างมานานมาก และเป็นความผิดเรื่องการเข้าประเทศผิดกฎหมาย ซึ่งโทษสูงสุด คือ 2 ปี แต่รัฐบาลไทยที่ผ่านมา ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงได้ขังไว้ 11 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดหลักมนุษยธรรม แต่ปัญหาของประเทศไทย คืออยู่บนทางสองแพร่ง ซึ่งล้วนแต่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้รัฐบาลที่ผ่านมาจึงไม่กล้าตัดสินใจ แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่อาสาเข้ามาหลายเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนไปดำเนินการ ว่าให้รีบหาทางออกให้ให้ได้ อย่าปล่อยให้รัฐบาลนี้ต้องถูกมองว่าเข้ามาโดยไม่ทำอะไร

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องชาวอุยกูร์ รัฐบาลมีทางเลือกอยู่ 3 ทาง คือทางแรก ขังเขาต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และต้องหาทางออกให้เขา เพราะแม้จะปฏิบัติดีอย่างไรก็ตาม แต่ก็ทรมานกับการอยู่ในคุกและอยู่ในกรงขัง ทางที่สอง คือส่งไปประเทศที่สาม ขอถามว่า ถ้าชาวอุยกูร์เป็นเรื่องความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนจริง ๆ ทำไมไม่มีใครขอเค้ากลับไป และไม่มีใครให้สิทธิผู้ลี้ภัยกับเขา ขนาดองค์การระหว่างประเทศก็ยังไม่ไยดี ถ้าให้สถานะเป็นผู้ลี้ภัย รัฐบาลไทยก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น และทางที่สาม คือ ต้องส่งไปให้กับประเทศต้นทาง ซึ่งบางคนบอกว่าไม่ใช่ชาวจีนและบางคนบอกมีหลักฐานว่าเป็นชาวตุรกีนั้น เป็นการโกหก ตนมีหลักฐานทั้งหมดว่าทั้ง 40 คนเป็นคนจีน และพร้อมแสดงหลักฐานมาเปิดต่อหน้าสื่อมวลชน

“เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่พวกเราไม่เคยสบายใจ เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ มีความห่วงใย ผมได้ชี้แจงเรื่องราวทั้งหมด ก็มีความเข้าใจ ถือว่ามีวุฒิภาวะและเป็นตัวแทนรัฐบาล แม้ว่าจะชอบใจหรือไม่ชอบใจก็ตาม แต่ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง และความเป็นจริง ไม่ใช่ยืนอยู่บนจินตนาการ ฝันไปเรื่อย คิดไปเรื่อย จริง ๆ ต้องหันกลับไปดูตัวเองให้มาก ว่าคนมีปัญหา คือใคร” นายภูมิธรรม ตอบโต้

รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ย้ำว่า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการไปตามหลักการ และยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้เลือกข้างใด แต่เป็นการเลือกให้ประเทศไทยยืนอยู่ได้ และไม่เกิดปัญหาตกค้าง รวมทั้งพยายามให้มหาอำนาจอดทนอดกลั้น แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี พร้อมย้ำว่าการแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลาการพูดคุยกันหลายฝ่าย เพื่อให้ประเทศชาติหลุดพ้นจากความขัดแย้งเหล่านี้ และจากเสียงสะท้อนในสังคมออนไลน์ ก็สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มี.ค. 68)

Tags: , , , , , ,
Back to Top