
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจง หลังจากเมื่อช่วงเช้ามีสมาชิกอภิปรายที่เข้าใจว่า ตนเป็นจอมยุทธ และมีการใช้สำนวนโวหารต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และนำเรื่องภาษีที่เป็นคนละหมวด มาอธิบายให้คนสับสน โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ทั้งการปฏิบัติและเจตนานั้น ทุกอย่างดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกฎหมาย
“การกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้หนีภาษี ไม่เป็นความจริงเลย จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องตรงกันข้าม ถึงแม้ดิฉันจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่ดิฉันมั่นใจว่า ดิฉันเสียภาษีให้รัฐมามากกว่าท่านแน่นอน” นายกรัฐมนตรี ตอบโต้
พร้อมระบุว่า ในเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเข้ารับดำรงตำแหน่งนั้น ขอยืนยันว่า ได้ยื่นภาษีครบถ้วนตามขั้นตอน และขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องตรวจสอบความถูกต้อง ถือว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการของป.ป.ช. และตนยินดีและเต็มใจที่จะแสดงข้อมูล หลักฐาน และให้ความร่วมมือทุกประการ จนกว่าจะมีข้อสรุปจาก ป.ป.ช.
ส่วนเรื่องธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พูดกันชัด ๆ ว่าทรัพย์สินและหนี้สินของครอบครัว และกิจการในครอบครัวของตน มีการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้น ทุกบัญชี ทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา อยู่ในที่เปิดเผยและโปร่งใสมานานมากแล้ว และยืนยันว่า ทรัพย์สินที่โดนตรวจสอบทั้งหมด ที่ดินทุกแปลง ทุกตารางวาที่ครอบครัวมี ออกโฉนดโดยรัฐทั้งหมด ไม่มีการซื้อที่ดินไม่มีโฉนด
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การทำธุรกรรมเรื่องหุ้นที่สมาชิกพูดถึง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนการเข้าสู่การเมืองหลายปี โดยเป็นความตั้งใจในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โดยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ PN (Promissory Note) เป็นหนังสือที่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกบุคคลหนึ่ง ตามระยะเวลาที่ได้ตกลงกัน โดยหนังสือดังกล่าวตนได้ติดอากรสแตมป์ตามกฎหมาย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้บางรายการไม่มีการเสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน จึงไม่ทราบจำนวน และเสียภาษีไม่ได้ ซึ่งการเสียภาษีแบบนี้ จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างตนซึ่งเป็นผู้ซื้อ และครอบครัวที่เป็นผู้ขาย และยืนยันว่า ไม่มีพฤติกรรมอำพรางใด ๆ เพราะยอดหนี้ก้อนนี้ แสดงอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของตนอยู่แล้ว และได้ยื่นต่อป.ป.ช.ไปหมดแล้ว สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน
“วิธีการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นสิ่งที่ทำกันเป็นปกติ หรือลองถามเพื่อนสมาชิกพรรคฝ่ายค้านดูก็ได้ว่า มีใครทำธุรกิจอะไรประมาณนี้หรือไม่ หรือมีการทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แบบนี้บ้างหรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็เป็นเรื่องปกติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนที่อ้างว่า เรื่องนี้จะเป็นแหล่งทุจริต ข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นกระบวนค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กันนั้น มองว่า เป็นเรื่องจินตนาการไปไกล การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฏหมาย ดำเนินการโดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อ ฝ่ายผู้ขาย รับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฏหมายใด ๆ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การเลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินแทนการรับให้ เพราะถือเป็นการดำเนินการทางธุรกิจอย่างเปิดเผย สิ่งที่ทำไม่สามารถแอบทำได้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องล้วนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ และการปรับโครงสร้างหุ้น จำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ ณ เวลานั้นตนไม่มีความพร้อมที่จะชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้ไว้ ซึ่งได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.แล้ว
นอกจากนี้ ที่ได้พูดคุยกันในครอบครัวว่า ตนมีแผนการชำระเงินอยู่แล้ว ซึ่งรอบแรกจะเกิดขึ้นภายในปี 69 เป็นสิ่งที่ตนและครอบครัวตกลงกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร และแน่นอนเมื่อเกิดการซื้อขายเกิดขึ้น หลักฐานทั้งหมดจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของตน ป.ป.ช. ก็สามารถตรวจสอบได้ และเมื่อมีการซื้อขาย มีการต้องจ่ายภาษี ไม่สามารหลบการจ่ายภาษีได้อยู่แล้ว
- ยันที่ดินอัลไพน์ ซื้อขายถูกกฏหมาย
น.ส.แพทองธาร ยังชี้แจงกรณีที่ดินอัลไพน์ว่าเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตอนที่บริษัทครอบครัวซื้อที่ดินแปลงนี้ ตนอายุเพียง 11 ปี และไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท และไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ตอนนั้นหรือเปล่า และการซื้อที่ดินทุกแปลงของครอบครัว ไม่เคยซื้อที่ดินที่ไม่ได้มีการออกโฉนดโดยหน่วยงานของรัฐ ทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย
หลังจากนั้น เมื่อมีคดีความ แต่ละขั้นตอนก็ว่ากันไปตามกระบวนการ จนตนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยไปก้าวก่ายแทรกแซงใด ๆ ซึ่งอาจจะต้องไปอธิบายในอนาคตเพิ่มขึ้น และหลังจากนี้ ขอให้ รมว.มหาดไทย เป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียดเพิ่มเติม และย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
ส่วนกรณีเขากระโดงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นกรณีพิพาทระหว่างกรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และพี่น้องประชาชน ซึ่งตนในฐานะนายกรัฐมนตรี จะกำชับเรื่องนี้อย่างดี ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และทุกขั้นตอนจะเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย และขอให้มั่นใจว่า ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องผ่านกระบวนการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายต่าง ๆ ตามมา ไม่อยากให้ใช้เรื่อง sensitive ทำให้เกิดความสับสน หรือเกิดความแตกแยกในสังคม เพราะจริง ๆ แล้วเราเป็นคนรุ่นใหม่ น่าจะพร้อมรับฟัง และหากมีผลงานใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็ควรจะชื่นชมบ้าง จะได้เป็นกำลังใจในการทำงาน เพราะอย่างน้อย เราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน มั่นใจว่า ทุกคนก็หวังดีกับประเทศไทย แต่การพูดให้คนเกลียดชังหรือเกิดความแตกแยก เราผู้มีวุฒิภาวะไม่ควรทำ” นายกรัฐมนตรี กล่าวในท้ายสุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มี.ค. 68)
Tags: ซักฟอกรัฐบาล, ศึกซักฟอก, แพทองธาร ชินวัตร