
โบรกเชียร์ประสานเสียง “ซื้อ” หุ้นบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ [BDMS] คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 68 ทำสถิติสูงสุด โดยกำไรคาดเติบโต 7-9% YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มโรงพยาบาลที่ 5% และมีศักยภาพเติบโตในระยะ 3 ปีข้างหน้าที่ CAGR 6-8% จากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (CoE) และตลาดลูกค้าต่างชาติที่ขยายตัว ขณะที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบประกันสุขภาพเป็น Co-Payment คาดว่าน้อยกว่า 1-2% ของรายได้ มองว่าหุ้นยังถูกและเป็นโอกาสเข้าลงทุนจากการปรับฐานของราคาที่ผ่านมา
ราคา BDMS ปิดเที่ยงที่ 23.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+0.88%)
โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) |
---|---|---|
กรุงศรี | ซื้อ | 37.50 |
ฟินันเซีย ไซรัส | ซื้อ | 36.50 |
ดีบีเอส วิคเคอร์ส | ซื้อ | 36.00 |
หยวนต้า | ซื้อ | 34.30 |
ทิสโก้ | ซื้อ | 33.00 |
เมย์แบงก์ | ซื้อ | 31.00 |
กสิกร | ซื้อ | 29.40 |
ตารางนี้แสดงคำแนะนำและราคาเป้าหมายของหุ้นจากโบรกเกอร์ต่างๆ โดยทุกโบรกเกอร์ให้คำแนะนำเป็น “ซื้อ” แต่มีราคาเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยกรุงศรีให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 37.50 บาท/หุ้น และกสิกรให้ราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 29.40 บาท/หุ้น
นายธีระพล อุดมเวศย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า รายได้ผู้ป่วยคนไทยของ BDMS กลับมาเติบโตดี โดยในเดือน ม.ค. – ก.พ. 68 เติบโตประมาณ 6-7% ซึ่งผู้ป่วยต่างจังหวัดดีกว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ เล็กน้อย โดยผู้ป่วยในกรุงเทพฯ โตประมาณ 5% ขณะที่รายได้จากผู้ป่วยต่างจังหวัดโต 10% อีกทั้งผู้ป่วยจากต่างชาติยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเป็นผู้ป่วยจากตะวันออกกลางโต 25% ยุโรปโต 10% และ CLMV โต 10%
ทั้งนี้ผู้บริหารตั้งเป้าช่วงครึ่งปีแรกของปี 68 รายได้จากผู้ป่วยคนไทยคาดว่าจะเติบโตระดับ Mid Single-Digit ขณะที่รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติน่าจะเติบโต Double Digit สำหรับอัตรากำไร EBITDA น่าจะอยู่ที่ระดับ 24-25% เทียบจากปีที่แล้ว 24.3% ภาพรวมทิศทางการดำเนินงานค่อนข้างดี
โดยทั้งปี 68 เรามองว่ารายได้จะเติบโตราว 7% YoY จากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโต 11% YoY ขณะเดียวกันเราประมาณการรายได้ผู้ป่วยคนไทยอย่าง Conservative โต 5% YoY จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คาดจำนวนเตียงเพิ่มขึ้น 5% เป็น 9,200 เตียงจากการขยายโรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล 100 เตียง โรงพยาบาลพญาไท สาขาบ่อวิน 220 เตียง และโรงพยาบาลกรุงเทพ เชียงใหม่ 90 เตียง
ขณะที่ประเด็นประกันปรับรูปแบบกรมธรรม์เป็นแบบ Co-Payment มองว่ากระทบกับ BDMS น้อย เนื่องจาก Co-Payment เป็นการเคลมจาก Simple Disease และมีการเคลมมากกว่า 3 ครั้งต่อปี ซึ่งจะกระทบกับผู้ป่วยที่ซื้อประกันในปีนี้เท่านั้น แต่ผลกระทบค่อนข้างน้อย โดยคาดว่าจะน้อยกว่า 1-2% ของรายได้ปี 68
นอกจากนี้เราคาดว่า BDMS จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จากการลงทุน BOI ทำให้เสียภาษีลดลง หนุนกำไรเติบโตดีขึ้น เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา มองว่าเป็นโอกาส โดยแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมาย 36.5. บาท ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมองว่าเป็นไปตาม Sentiment ของตลาด มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของปัจจัยพื้นฐานของหุ้น
บล.เมย์แบงก์ ระบุว่า BDMS มุมมองไตรมาส 1/68 ยังเติบโตดี ผสานแรงหนุนจาก Flow TESGX โดยผู้บริหารคาดการณ์การเติบโตของรายได้ในครึ่งปีแรกของปี 68 ที่ 7-8% โดยคาดว่าอัตรากำไร EBITDA จะคงที่ 24-25% ซึ่งในช่วง 2 เดือนปี 68 การเติบโตรายได้แข็งแกร่งมากกว่า 7% YoY จากรายได้ผู้ป่วยไทยเพิ่มขึ้น 5% YoY และผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% YoY จากผู้ป่วยตะวันออกกลางที่ขยายตัว 24-26% หนุนจากประเทศกาตาร์และ UAE โดย BDMS เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงไม่กระทบผู้ป่วยตะวันออกกลาง
เราคาดกำไรปี 68 ขยายตัว 7% YoY ดีกว่ากลุ่มที่ขยายตัว 5% ขณะที่ราคาปัจจุบันมีปันผลสูงที่ 3.3% โดยแรงขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะถัดไปอยู่ที่ Fund Flow ของกองทุน LTF ที่เตรียนโอนเป็น TESGX ซึ่งเราคาดว่า BDMS จะได้ประโยชน์จากการ Reweight รวมถึงเม็ดเงินใหม่ที่จะไหลเข้ามาจากการเตรียมเปิดขายกองทุน TESGX ในช่วงระหว่างเดือนพ.ค. – มิ.ย. 68
บล.หยวนต้า เปิดเผยว่า เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 1/68 ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง YoY เติบโตจากทั้งคนไข้ไทยและต่างชาติ โดยผู้ป่วยไทยได้ผลบวกจากโรคระบาดที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนรวมถึงผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ทำให้มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และอัตราการเข้าใช้บริการ รพ.เพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้ป่วยต่างชาติถือว่าเติบโตเด่นสวนทางคู่แข่งรายอื่นที่คนไข้ต่างชาติชะลอตัวจากการเติบโตของกลุ่ม Medical tourism และสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้
เราคงประมาณการกำไรปี 68 ที่ 17,392 ล้านบาท +9%YoY จากการเติบโตของรายได้ของผู้ป่วยทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยคาดรายได้จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติเติบโต Double Digit และยังมีประเด็นที่หนุนจากการเติบโตของศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ Center of Excellence (CoE) ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากการรักษาโรคซับซ้อน และ capacity ใหม่ที่เพิ่มจากโครงการขยายได้แก่รพ.สมิติเวชอินเตอร์เนชั่นแนล, รพ.พญาไทบ่อวิน และรพ.กรุงเทพเชียงใหม่ ส่วนประเด็นผลกระทบจากการที่ประกันปรับรูปแบบประกันสุขภาพเป็นแบบ Co-payment ที่จะเริ่มในเดือน มี.ค68 นี้ คาดกระทบจำกัดเนื่องจากกระทบเฉพาะกลุ่มลูกค้าใหม่ซึ่งเราประเมินworst case คาดกระทบไม่น่าเกิน 1-2% ของรายได้รวม
แนวโน้ม 3 ปีข้างหน้าคาดรายได้เฉลี่ยเติบโต CAGR 6-8% ผลบวกจากการเติบโตของ Center of Excellence ซึ่งช่วยเพิ่ม intensity หรือรายได้ต่อหัวที่สูงขึ้นและการเติบโตจากลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะจากจีน,ตะวันออกกลาง,CLMV และยุโรปและการขยายฐานลูกค้าใหม่เช่นซาอุดีอาระเบียและบังคลาเทศ
คงคำแนะนำ “ซื้อ” เราคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 68 ที่คาดทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเราคงมูลค่าพื้นฐานที่ 34.30 บาท อิงสมมุติฐาน WACC ที่ 7.5% ราคาหุ้นถือว่ายังถูก ซื้อขายที่ -2SD อิง PE BAND ย้อนหลัง 10ปี เรามองเป็นจังหวะเข้าลงทุน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มี.ค. 68)
Tags: BDMS, Consensus, กรุงเทพดุสิตเวชการ, หุ้นไทย