“ทุเรียนไทย” โกยรายได้ปีละกว่า 1.5 แสนลบ. “พาณิชย์” ผนึกทุกหน่วยงานรักษาตลาดส่งออก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงมาตรการดูแลสินค้าผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญของไทย แต่ละปีสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้มากกว่าปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ดูแลทั้งด้านตลาดในประเทศ และการขยายตลาดส่งออก ผ่านการส่งเสริมการบริโภค ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทุเรียนไทยให้กับผู้บริโภค และผู้นำเข้าในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกทุเรียนเกือบทั้งหมดของไทย (97% ของการส่งออกทั้งหมด)

สำหรับกลุ่มสินค้าผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับที่ 1 ของไทย โดยมูลค่าการส่งออกได้แซงสินค้าข้าว และยางพารา ตั้งแต่ปี 63 และยังคงเป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับที่ 1 จนถึงปัจจุบัน สำหรับปี 67 ไทยส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง มูลค่ารวม 6,510.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (231,401 ล้านบาท) โดยคิดเป็นสัดส่วน 22.58% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย (ปี 67 ส่งออกมูลค่า 28,827.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยข้าวมีสัดส่วน 22.32% และยางพารา มีสัดส่วน 17.32% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย) และปี 68 ช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) มูลค่าอยู่ที่ 429.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (14,615 ล้านบาท)

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะทุเรียน ในปี 67 มีมูลค่าการส่งออกรวม 4,404.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (157,506 ล้านบาท) แบ่งเป็น 1. ทุเรียนสด 3,755.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (134,852 ล้านบาท) และ 2. ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง 649.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (22,654 ล้านบาท)

โดยล่าสุดปี 68 ช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ไทยมีมูลค่าส่งออกรวม 128.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,374 ล้านบาท) แบ่งเป็น 1. ทุเรียนสด 85.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,918 ล้านบาท) และ 2. ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง 42.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,456 ล้านบาท)

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ทุเรียน เป็นสินค้าที่ไทยพึ่งพาตลาดส่งออกถึง 75% ขณะที่บริโภคภายในประเทศเพียง 25% ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด ดังนั้น หากมีปัญหาเกี่ยวกับการส่งออก ไม่ว่าจะเป็นความเข้มงวดของจีนในการตรวจสาร Basic Yellow 2 (BY2) และแคดเมียม รวมทั้งการแข่งขันของทุเรียนคู่แข่งในตลาดจีนที่มีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งทุเรียนจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย อาจส่งผลกระทบให้ทุเรียนล้นตลาด ซึ่งจะส่งผลกับราคาทุเรียนในประเทศ

โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์มีบทบาทในการดูแลสินค้าเกษตรด้านการตลาด โดยการส่งเสริมและเชื่อมโยงหาตลาดให้กับสินค้าเกษตรไทย รวมทั้งสินค้าผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน มีการออกมาตรการรองรับปัญหาผลผลิตล้นตลาด ทั้งส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และขยายตลาดส่งออก

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ตลอดกระบวนการผลิต รวมทั้งดูแลมาตรฐานสินค้าเกษตร ตั้งแต่สวน โรงคัดบรรจุ จนถึงด่านตรวจพืช เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสินค้าเกษตรไทยมีคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งการบูรณาการการทำงานจะช่วยยกระดับราคาสินค้า และเพิ่มรายได้เกษตรกรตลอดห่วงโซ่อุปทาน

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดูแลสินค้าผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรสำคัญของไทย ติดตามสถานการณ์ราคาและตลาดอย่างใกล้ชิด ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ที่มีสัดส่วนการบริโภคถึง 75% ของปริมาณผลผลิตทุเรียนไทย โดยให้ทูตพาณิชย์ในประเทศจีนทั้ง 8 แห่ง รวมทั้งสำนักงานพาณิชย์ ณ กรุงปักกิ่ง อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้าในประเทศจีน รวมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยให้เป็นที่จดจำ หาตลาดรองรับทั้งในเมืองหลักและเมืองรองของจีนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพเพิ่มเติม พร้อมเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ตามแผนบริหารจัดการผลไม้ปี 68 รวม 7 มาตรการ ครอบคลุม 25 แผนงาน ให้ผลไม้ไทยปีนี้ได้ราคาดีตลอดทั้งปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มี.ค. 68)

Tags: , , , , ,
Back to Top