
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ปชด.) ครั้งแรกที่กองบัญชาการกองทัพบกว่า ผู้นำเหล่าทัพได้รายงานความคืบหน้าเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดว่าได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งต้องมีการร่วมมือกันทุก ๆ ฝ่าย โดยสามารถจับกุมยาเสพติดได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนเรื่องการผลิตยาเสพติดยังมีมาก แต่ได้ขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย โดยบริเวณตามแนวชายแดนของไทยสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดว่า ขณะนี้ราคายาบ้าเพิ่มสูงมากขึ้น แสดงว่า ยาบ้าเริ่มหายากมากขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ นอกจากการจับกุมยาเสพติดแล้ว การบำบัดรักษาทุกหน่วยงานได้ร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะต้องการให้ผู้เสพยาหายจากการติดยา สามารถกลับคืนสู่สังคมได้ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
พร้อมกันนี้ได้ฝากดูแลป้องกันการลักลอบการขนยาเสพติดผ่านทางเรือและอากาศด้วย ซึ่งได้รับรายงานว่า ยาเสพติดพวกยาไอซ์ ยาเค จะใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศอื่น ๆ จึงฝากให้ทางเรือต้องดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มข้น ส่วนทางอากาศก็ฝากให้มีการเตรียมพร้อมไว้ เพราะหากเราเข้มงวดในเส้นทางหนึ่งก็จะไปโผล่อีกเส้นทางหนึ่ง และทางเหล่าทัพจะมีการประสานงานเพื่อดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ส่วนความคืบหน้าการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ หลังพบว่าคนไทยส่วนใหญ่ถูกหลอกจากเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตนได้พูดคุยกับ พล.อ.ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า พร้อมจะให้ความร่วมมือในเรื่องนี้ และยืนยันว่า กัมพูชาให้ความร่วมมือ 100% ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานก็สามารถประสานงานระหว่าง 2 ประเทศได้ตลอด
“ก็ไม่ยุ่งยาก กัมพูชาให้ความร่วมมือ โดยคนไทยกลุ่มแรกที่นำกลับมาก็ถูกดำเนินคดี ไม่ได้ติดขัดปัญหาอะไร ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ มีการประสานงานอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า จะมีการประชุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ดำเนินการได้มากแล้ว และอยากให้หมดสิ้นไป โดยจะดำเนินมาตรการเข้มข้นตามแนวชายแดนทั้งสองด้าน มีความร่วมมือกันดี และรู้ต้นตอของปัญหาแล้ว กำลังทำให้จบ
ด้านพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัญหาขบวนการคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชา นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนไปพูดคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในกระบวนการพูดคุย เพื่อจะขับเคลื่อนต่อไป และทางกัมพูชายืนยันว่าจะมีการระดมกวาดล้าง ซึ่งต้องรอดูช่วงเวลา เนื่องจากกัมพูชามีกฎหมายที่จะต้องออกหมายค้นในการดำเนินการต่าง ๆ และยืนยันว่าในทางปฏิบัติอย่างไม่พบปัญหาอะไร
สำหรับสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้นทางกองทัพดูแลอยู่แล้ว ตนยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอให้เป็นหน้าที่ของกองทัพทั้ง 2 ประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 68)