รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านเมื่อวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) โดยมุ่งเป้าไปที่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กของจีน หรือที่เรียกว่า “Teapot Refinery และเรือบรรทุกน้ำมันที่ขนส่งน้ำมันดิบให้กับโรงกลั่นเหล่านี้
มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ถือเป็นรอบที่ 4 ของสหรัฐฯ ที่มุ่งจำกัดการขายน้ำมันของอิหร่าน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในเดือนก.พ. ว่าจะกลับมาใช้มาตรการ “กดดันสูงสุด” ต่ออิหร่าน ซึ่งรวมถึงความพยายามลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้เหลือศูนย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มติดอาวุธ
โรงกลั่นที่สหรัฐฯ ดำเนินการคว่ำบาตรคือ โรงกลั่นชานตง โชวกวง ลู่ชิง ปิโตรเคมิคอล (Shandong Shouguang Luqing Petrochemical) ซึ่งตั้งอยู่ในจีน ขณะนี้แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า โรงกลั่นที่ถูกคว่ำบาตรนี้ ซื้อน้ำมันจากเรือบรรทุกที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้าย
ทั้งนี้ จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านรายใหญ่ที่สุด โดยโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กเหล่านี้เป็นโรงกลั่นน้ำมันเอกชนของจีนที่เป็นผู้ซื้อน้ำมันหลักจากอิหร่าน ส่วนอิหร่านผลิตน้ำมันดิบมากกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วัน
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การที่โรงกลั่นขนาดเล็กของจีนเหล่านี้ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับอิหร่านซึ่งเป็นประเทศที่รสนับสนุนการก่อการร้ายรายใหญ่ของโลก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน
จีนและอิหร่านได้สร้างระบบการค้าที่ใช้เงินหยวนของจีนเป็นส่วนใหญ่ และใช้เครือข่ายตัวกลางเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สกุลเงินดอลลาร์และการตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ
ด้านนักวิเคราะห์มองว่าสหรัฐฯ ใช้แนวทางคว่ำบาตรแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการลงโทษต่อธนาคารขนาดใหญ่ของจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมซื้อขายน้ำมันกับอิหร่าน ซึ่งอาจกระตุ้นให้จีนตอบโต้ทางเศรษฐกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 68)
Tags: คว่ำบาตร, สหรัฐ, อิหร่าน, เรือบรรทุกน้ำมัน, โรงกลั่น