
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (20 ม.ค.) หลังจากปรับตัวขึ้น 4 วันติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรและประเมินการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรายใหญ่ในยุโรป
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 552.98 จุด ลดลง 2.39 จุด หรือ -0.43%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,094.20 จุด ลดลง 77.27 จุด หรือ -0.95%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,999.15 จุด ลดลง 288.91 จุด หรือ -1.24% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,701.99 จุด ลดลง 4.67 จุด หรือ -0.05%
บรรดานักลงทุนพิจารณาการตัดสินใจของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ซึ่งคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% และ 2.25% ตามลำดับ ขณะที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Bank) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 0.25%
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เมื่อวันพุธ พร้อมลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% จะส่งผลให้เศรษฐกิจยูโรโซนเติบโตลดลง 0.3% ในปีแรก และอาจลดลงถึง 0.5% หากมีมาตรการตอบโต้
หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปร่วงลง 2.2% เช่นเดียวกับกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน โดยก่อนหน้านี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปเพิ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธ
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานและกลาโหมร่วงลง 2% หลังได้แรงหนุนก่อนหน้านี้จากความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูประบบการคลังของเยอรมนี ซึ่งเตรียมจะมีการเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ ปัจจัยที่กดดันตลาดยังมาจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากยูเครนโจมตีฐานทัพอากาศสำคัญของรัสเซีย ส่งผลให้เกิดระเบิดและไฟไหม้ครั้งใหญ่ในพื้นที่ห่างจากแนวหน้าราว 700 กิโลเมตร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป