ดาวโจนส์ปิดลบ 11.31 จุด ตลาดประเมินข้อมูลศก.-ผลกระทบภาษี

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด และแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่บ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,953.32 จุด ลดลง 11.31 จุด หรือ -0.03%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,662.89 จุด ลดลง 12.40 จุด หรือ -0.22% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,691.63 จุด ลดลง 59.16 จุด หรือ -0.33%

ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์แกว่งตัวทั้งในแดนบวกและลบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันพุธ (19 มี.ค.) ขานรับเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

นักลงทุนประเมินแถลงการณ์การประชุมเฟดครั้งล่าสุด ซึ่งคณะกรรมการเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจและปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในปีนี้ ขณะที่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อนั้นมาจากมาตรการภาษีศุลกากร และกล่าวว่าการที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตรการภาษีศุลกากรนั้น จะส่งผลให้เฟดเผชิญกับความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายการสร้างเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเพียง 2,000 ราย สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าแนวโน้มตลาดแรงงานอาจซบเซาลงเนื่องจากรัฐบาลปรับลดการใช้จ่าย อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล

ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Leading Economic Index – LEI) ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.พ. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนม.ค. โดย LEI เป็นดัชนีบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจซึ่งคำนวณจากข้อมูล 10 รายการ รวมถึงราคาหุ้น คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต การอนุญาตสร้างบ้าน ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.62% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าบริโภคลดลง 0.52% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.41%

หุ้นเอคเซนเชอร์ (Accenture) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและธุรกิจระดับโลก ร่วงลง 7.26% ซึ่งเป็นการร่วงลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 1 ปี หลังจากบริษัทระบุว่าการที่รัฐบาลทรัมป์มีนโยบายปรับลดการใช้จ่ายในหน่วยงานของรัฐบาลกลางนั้น ส่งผลให้มีการเลื่อนและยกเลิกการทำสัญญาใหม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top