แคนาดาเล็งจับมือ EU ด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ หวังลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลแคนาดายืนยันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 มี.ค.) ว่า กำลังเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) เพื่อสร้างความร่วมมือในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหาร โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

การเจรจาดังกล่าวครอบคลุมถึงแผนการผลิตเครื่องบินรบในแคนาดา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ แห่งแคนาดา ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของประเทศ หลังเกิดความกังวลจากการต้องพึ่งพาอุปกรณ์ทางทหารจากสหรัฐฯ มากเกินไป

บิล แบลร์ รัฐมนตรีกลาโหม กำลังพิจารณาทบทวนแผนการสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 จากสหรัฐฯ โดยหันไปมองหาทางเลือกอื่น เช่น เครื่องบินขับไล่ซ้าบ กริพเพน (Saab Gripen) จากสวีเดน ซึ่งสามารถประกอบและซ่อมบำรุงได้ภายในประเทศ

ด้านเมลานี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CBC ว่า “เรื่องนี้เราให้ความสำคัญอย่างมาก เราได้เจรจาเรื่องความร่วมมือด้านการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาตลอด เมื่อเดือนที่แล้วดิฉันเดินทางไปยุโรปเพื่อผลักดันให้เราได้เข้าร่วมในความร่วมมือนี้ … และดูเหมือนว่าเราจะได้รับข่าวดี”

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แม้แคนาดาจะมีสัญญาซื้อเครื่องบิน F-35 กับบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่ของสหรัฐฯ แต่ขณะนี้ได้อนุมัติงบประมาณสำหรับการจัดซื้อเพียง 16 ลำ จากเป้าหมายเดิมที่ต้องการ 88 ลำ

ขณะเดียวกัน EU ก็กำลังเร่งพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของตนเอง โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้เปิดตัวยุทธศาสตร์ “ความพร้อม 2030” (Readiness 2030) เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากผู้ผลิตในยุโรป รวมถึงพันธมิตรอย่างนอร์เวย์และยูเครน อย่างน้อย 65% เพื่อลดการพึ่งพาผู้ผลิตจากสหรัฐฯ สอดคล้องกับกระแส “ซื้อของยุโรป” (Buy European) ที่กำลังมาแรงในทวีป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top