
เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) ธนาคารกลางบราซิลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Selic) 1.00% สู่ระดับ 14.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีนับตั้งแต่ปี 2559 โดยเป็นการปรับขึ้นในอัตรา 1% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3
มติดังกล่าวของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Copom) เป็นเอกฉันท์และสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 37 คนที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นไว้ พร้อมกันนี้ ธนาคารกลางส่งสัญญาณว่าการประชุมครั้งถัดไปอาจปรับขึ้นในอัตราที่น้อยลง คือประมาณ 0.5% เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
กาเบรียล กาลิโปโล ผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งแทนโรแบร์โต คัมโปส เนโต เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ยังคงเดินหน้านโยบายการเงินเข้มงวด แม้จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล ที่ต้องการกระตุ้นการบริโภคเพื่อแก้ปัญหาคะแนนนิยมตกต่ำ
ด้านฟลาวิโอ เซอร์ราโน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคาร Banco BMG คาดว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนพ.ค.จะเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายของการคุมเข้มทางการเงินในรอบนี้
ธนาคารกลางได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2568 ลงเล็กน้อยเหลือ 5.1% จากเดิม 5.2% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วง 12 เดือนของไตรมาส 3 ปี 2569 จะอยู่ที่ 3.9% ลดลงจาก 4%
“ดัชนีชี้วัดด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานยังคงแสดงถึงความแข็งแกร่ง แม้ว่าเราจะเริ่มเห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการเติบโตอาจเริ่มชะลอตัวลง” Copom ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ
แม้เงินเรียลแข็งค่าขึ้นกว่า 9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ แต่แนวโน้มเงินเฟ้อระยะยาวยังคงห่างไกลเป้าหมายที่ 3%
มติครั้งนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรอประเมินทิศทางนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก่อนที่จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ของ JP Morgan มองว่า แถลงการณ์ของธนาคารกลางบราซิลยังคงมีท่าทีเข้มงวด และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% ในการประชุมเดือนพ.ค.และมิ.ย. ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยไปหยุดที่ระดับ 15.25%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 68)
Tags: ธนาคารกลางบราซิล, อัตราดอกเบี้ย